Black Tuesday: วันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พังทลายและจุดเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ในช่วงปี ค.ศ.1924-1929 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 22 สร้างความตื่นเต้นให้กับประชาชนชาวอเมริกันที่ต่างพากันลงทุนในตลาดหุ้นอย่างล้นหลาม ด้วยความเชื่อที่ว่าการเล่นหุ้นคือทางลัดสู่ความมั่งคั่งและความสุข

แต่แล้วในวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 1929 ความฝันเหล่านั้นก็พังทลายลงในวันซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า “Black Tuesday” ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พังย่อยยับ สร้างความเสียหายมหาศาลถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้คนจำนวนมากสูญเสียเงินเก็บทั้งหมด และมีหนี้สินล้นพ้นตัวจากการกู้ยืมเพื่อเล่นหุ้น

วิกฤตการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ธนาคารหลายพันแห่งต้องปิดตัวลงเนื่องจากหนี้เสียจำนวนมาก ประชาชนต่างตื่นตระหนกและพากันไปถอนเงินจากธนาคาร แต่หลายคนก็พบเพียงธนาคารที่ปิดทำการแล้ว

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้วิกฤตการณ์รุนแรงขึ้นมาจากนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคาลวิน คูลิดจ์ ที่ตั้งกำแพงภาษีสูงเพื่อกีดกันการค้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้ประเทศอื่นตอบโต้ทางการค้า สินค้าสหรัฐฯ ขายไม่ออกเนื่องจากราคาแพงและคุณภาพไม่แข่งขันได้

ในช่วงปี 1929-1932 ผลผลิตมวลรวมของสหรัฐฯ ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 10 รายได้ประชาชาติลดลงจาก 81,000 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีธุรกิจปิดตัวลงกว่า 85,000 แห่ง และจำนวนผู้ว่างงานพุ่งสูงขึ้นจาก 1.5 ล้านคนในปี 1929 เป็น 15 ล้านคนในปี 1933

วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้สร้างความยากลำบากให้กับประชาชนชาวอเมริกันอย่างมาก หลายคนต้องหันไปทำอาชีพแปลกๆ เพื่อประทังชีวิต เช่น ขัดรองเท้า ขายผลไม้ข้างถนน หรือแม้แต่ขอทาน บางคนถึงกับตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อหนีความยากจน

วิกฤตการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญทางเศรษฐกิจที่ยังคงถูกนำมาอ้างอิงและศึกษาจนถึงปัจจุบัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *