ด่วน! โยมลูกสาวสุดช้ำ หวังดึงสติแม่หลงสำนักสงฆ์ กลับถูก ‘พระ’ และพวก รุมทำร้ายร่างกาย ขู่ลบคลิป
จากกรณีที่เพจดังได้เผยแพร่เรื่องราวร้องเรียนจากพลเมืองดีเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระสงฆ์และกลุ่มบุคคลที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว จนนำไปสู่การทำร้ายร่างกายโยม ซึ่งเป็นลูกสาวของคนในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง เรื่องราวดังกล่าวได้สร้างความตกใจและตั้งคำถามถึงบทบาทของพระสงฆ์เป็นอย่างมาก
เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 โดยเพจเฟซบุ๊ก “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6” ได้โพสต์เรื่องราวร้องเรียนจากผู้เสียหาย ซึ่งระบุเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568
ผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกสาวเล่าว่า ปัญหาเริ่มต้นขึ้นหลังจากแม่ของเธอได้เข้าไปอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองปิง จ. โดยหลังจากนั้นแม่ของเธอก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างมาก มีความคิดจะขายทรัพย์สินต่างๆ ทั้งที่ดินและโรงงาน รวมถึงไล่คนในบ้านออก เช่น พ่อเลี้ยง ผู้เสียหายสงสัยว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของแม่ อาจมาจากการยั่วยุของบุคคลจากสำนักสงฆ์ดังกล่าว
ในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เดินทางไปยังบ้านเพื่อพูดคุยกับแม่และพ่อเลี้ยงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว ซึ่งขณะนั้นมีบุคคลกลุ่มหนึ่งรวม 4 คน รวมถึงพระสงฆ์รูปหนึ่ง อยู่ที่บ้านด้วย การพูดคุยระหว่างผู้เสียหายกับแม่ได้กลายเป็นการโต้เถียงและทะเลาะกัน แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าว รวมถึงพระสงฆ์ ได้เข้ามาแทรกแซงและใช้คำพูดที่รุนแรง ทำให้สถานการณ์บานปลาย เกิดการโต้เถียงกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว เนื่องจากพระสงฆ์ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาภายในครอบครัวของเธอ ซึ่งไม่สมควร
ความไม่พอใจในคำพูดของผู้เสียหาย ทำให้ชายคนหนึ่งในกลุ่มเข้ามาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายก่อน ด้วยการชกเข้าที่ใบหน้า ผู้เสียหายพยายามป้องกันตัวด้วยการผลักชายคนดังกล่าวล้มลง เหตุการณ์นี้ทำให้พระสงฆ์ไม่พอใจ และพยายามจะใช้ด้ามจอบหรือด้ามไม้กวาดเข้ามาทำร้ายพ่อเลี้ยงที่พยายามห้าม แต่ก็มีการแยกย้ายกันไปก่อน
หลังจากเหตุการณ์แรก แม่ของผู้เสียหายกลับเลือกที่จะเข้าข้างพระสงฆ์และกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งไล่ผู้เสียหายออกจากบ้าน ผู้เสียหายจึงตัดสินใจโทรศัพท์ตามเพื่อนให้มารับ เนื่องจากแม่ยึดรถคืนไป โดยผู้เสียหายพร้อมกับหลานอายุ 4 ขวบ และสุนัขหนึ่งตัว ได้ไปนั่งรออยู่ที่ถนนคอนกรีตใกล้เคียง
ขณะนั่งรออยู่ประมาณ 15-20 นาที ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งและพระสงฆ์รูปดังกล่าวเดินเข้ามาหาผู้เสียหาย ผู้หญิงคนดังกล่าวได้สอบถามผู้เสียหายว่าไปทำร้ายคนแก่ทำไม ผู้เสียหายจึงอธิบายว่าตนเองถูกชกก่อน จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้กระชากศีรษะและตบเข้าที่ใบหน้าด้านขวาของผู้เสียหายหลายครั้ง ขณะที่ผู้เสียหายยังคงอุ้มหลานและสุนัขอยู่ ซึ่งเหตุการณ์นี้ผู้เสียหายระบุว่ามีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน
เมื่อพระสงฆ์เห็นผู้เสียหายถือโทรศัพท์และคาดว่ามีการถ่ายคลิปไว้ จึงเข้ามาจิกศีรษะและใช้ถ้อยคำข่มขู่ รวมถึงมีการตะโกนสั่งให้ชายแก่และผู้หญิงที่ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายขู่ให้ลบคลิป ชายแก่ในกลุ่มได้ข่มขู่ผู้เสียหายว่า หากคลิปหลุดออกไปภายใน 3-7 วัน ให้เตรียมตัวได้เลย พระสงฆ์พยายามจะเข้ามาแย่งโทรศัพท์ แต่มีคนเข้ามาห้าม อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มบุคคลรวม 3-4 คน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เข้ารุมผู้เสียหายเพื่อแย่งโทรศัพท์มือถือ ผู้เสียหายยืนยันว่าเธอเลือกที่จะยอมถูกทำร้ายเพื่อปกป้องหลักฐานในโทรศัพท์ไว้ ขณะที่กำลังถูกรุม เพื่อนของผู้เสียหายก็เดินทางมาถึงและเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่สามารถแย่งโทรศัพท์ไปได้
ผู้เสียหายเล่าต่อไปว่า พระสงฆ์ยังได้ท้าทายเพื่อนของเธอ โดยบอกให้มาต่อสู้กันตัวต่อตัว แม้ว่าคู่กรณีคือผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิง เพื่อนของผู้เสียหายจึงตอบโต้ไปว่า เป็นพระไม่ควรเข้ามายุ่ง และหากจะต่อสู้ ก็ให้มาต่อสู้กับตนเอง จากนั้นเพื่อนได้กันผู้เสียหายให้รีบขึ้นรถ และขับหนีออกมาจากบริเวณดังกล่าว โดยมีเสียงตะโกนด่าทอและข่มขู่ให้ลบคลิปตามหลังมา
ผู้เสียหายระบุว่าภายหลังทราบว่ากลุ่มบุคคลที่มากับพระสงฆ์นั้น คือคนในครอบครัวของพระรูปดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย ยาย พ่อ และแม่ ของพระ โดยสำนักสงฆ์แห่งนี้มีพระจำวัดอยู่เพียงรูปเดียวเท่านั้น ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้ว พร้อมทั้งร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพฤติกรรมของพระสงฆ์รูปนี้ และสถานะของสำนักสงฆ์ดังกล่าวว่าเป็นพระสงฆ์จริงหรือไม่ และสอบสวนการกระทำของผู้ที่เข้ามารุมทำร้ายร่างกาย ทั้งที่ปัญหาเป็นเพียงเรื่องภายในครอบครัว