ระเบิดโจมตีรถหุ้มเกราะ ตชด. ยะลา พลิกคว่ำ บาดเจ็บสาหัส 3 นาย ขณะกลับจากตรวจสุขภาพ
ระเบิดโจมตีรถหุ้มเกราะ ตชด. ยะลา พลิกคว่ำ บาดเจ็บสาหัส 3 นาย ขณะกลับจากตรวจสุขภาพ
ยะลา – เกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดยะลาอีกครั้ง เมื่อคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ลอบวางระเบิดโจมตีรถยนต์หุ้มเกราะของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ในอำเภอธารโต เป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำและมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 3 นาย ขณะเดินทางกลับจากภารกิจ
รายงานข่าวเบื้องต้นแจ้งว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ ตชด. สังกัดหน่วยเฉพาะกิจที่ 44 กองร้อย ตชด.บ้านศรีท่าน้ำ กำลังเดินทางโดยรถยนต์กระบะหุ้มเกราะของทางราชการ เพื่อกลับเข้าฐานปฏิบัติการ หลังจากที่ได้เดินทางเข้าไปตรวจสุขภาพที่ตัวจังหวัดยะลา
ขณะที่ ด.ต.อิศเรศ อินทรเพ็ชร ทำหน้าที่เป็นผู้ขับขี่ ได้ขับรถมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุบนถนนสายหนึ่งในพื้นที่ อ.ธารโต คนร้ายซึ่งได้ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องไปฝังไว้ใต้ผิวถนนก่อนหน้านี้ ได้กดชนวนระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน แรงอัดมหาศาลจากระเบิดได้พุ่งเข้าใส่ใต้ท้องรถกระบะหุ้มเกราะอย่างรุนแรง ทำให้รถยนต์ทั้งคันเสียหลักลอยขึ้นและพลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่กลางถนน สภาพตัวรถพังเสียหายอย่างหนักทั้งคัน แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของแรงระเบิด
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ ตชด. ที่อยู่ภายในรถจำนวน 3 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที โดยมีรายละเอียดของผู้บาดเจ็บและอาการเบื้องต้น ดังนี้
- ด.ต.อิศเรศ อินทรเพ็ชร (ผู้ขับขี่) มีอาการไม่รู้สึกตัวในที่เกิดเหตุ ถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อประเมินอาการและทำการรักษา
- ส.ต.ท.ภานุวัฒน์ เวชผสาร รู้สึกตัวดี สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในเบื้องต้น แต่ยังคงมีอาการบาดเจ็บ และอยู่ระหว่างการรอผลการเอ็กซเรย์และตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล
- ส.ต.ท.มนต์พิทักษ์ เพชรนุ้ย มีอาการไม่รู้สึกตัวในที่เกิดเหตุเช่นเดียวกับ ด.ต.อิศเรศ และแพทย์กำลังเร่งให้การช่วยเหลือเพื่อฟื้นคืนชีพและประเมินอาการอยู่ในขณะนี้
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้รีบเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ กั้นพื้นที่ และเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งประสานหน่วยกู้ภัยในการนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ขณะเดียวกัน หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานและประเมินชนิดของระเบิดที่คนร้ายใช้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงสอบปากคำพยานแวดล้อม เพื่อติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเหตุการณ์นี้ถือเป็นการตอกย้ำสถานการณ์ความไม่สงบที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้.