WTO ช็อก! ลดคาดการณ์ค้าโลกปี 2025 พลิก ‘ติดลบ’ 0.2% ชี้ ‘มาตรการภาษีสหรัฐฯ’ ต้นเหตุ หวั่นเศรษฐกิจถดถอย
องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับลดคาดการณ์การค้าสินค้าทั่วโลกในปี 2025 ลงอย่างรุนแรง จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 2.7% เหลือเพียงติดลบ 0.2% ซึ่งถือเป็นการปรับลดที่พลิกกลับจากบวกเป็นลบอย่างมีนัยสำคัญ โดยชี้ว่าปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้คือมาตรการภาษีทางการค้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอย หากสถานการณ์ความไม่แน่นอนด้านนโยบายยังคงอยู่
รายงานล่าสุดจาก WTO ที่เปิดเผยโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การค้าโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะจากอัตราภาษีที่เพิ่มสูงขึ้นและความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย
นาง Ngozi Okonjo-Iweala ผู้อำนวยการใหญ่ WTO แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจ (economic decoupling) ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน โดยคาดการณ์ว่า การค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจนี้อาจลดลงมากถึง 81-91% หากไม่มีการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าเทคโนโลยีบางประเภท ซึ่งสถานการณ์นี้เปรียบเสมือนการแยกเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศออกจากกันโดยสิ้นเชิง และจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วโลก ทำให้ WTO กำลังพิจารณาจัดการประชุมวาระพิเศษเพื่อหารือสถานการณ์นี้
นอกจากคาดการณ์การค้าโลกที่ติดลบแล้ว WTO ยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของโลกในปี 2025 ลงเช่นกัน จากเดิมที่ 2.8% เหลือเพียง 2.2% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม
รายงานระบุถึงมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่หลากหลาย เช่น การเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้าทุกประเภท, อัตราที่สูงถึง 145% สำหรับสินค้าบางรายการจากจีน และการเก็บภาษีเฉพาะอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์และเหล็กกล้า ซึ่งคาดว่ามาตรการเหล่านี้จะทำให้ยอดการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ อาจยังมีแนวโน้มการเติบโตอยู่
ประธานาธิบดีทรัมป์เคยประกาศมาตรการภาษีต่างตอบแทนเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ซึ่งเรียกวันนั้นว่า “วันปลดปล่อยอิสรภาพ” แม้ภายหลังจะมีการระงับมาตรการนี้ไว้ 90 วันเนื่องจากตลาดการเงินผันผวน แต่ WTO เตือนว่าหากมาตรการดังกล่าวถูกนำกลับมาใช้จริง จะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงกว่ามาก โดยคาดการณ์ว่าจะทำให้การค้าสินค้าทั่วโลกลดลงอีก 0.8% และสร้างความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าตามมา ซึ่งอาจทำให้การค้าโลกลดลงเพิ่มเติมไปอีก และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คาดว่า GDP โลกอาจเติบโตเพียง 1.7% เท่านั้น
ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า ซึ่งเห็นได้จากแถลงการณ์ที่ขัดแย้งกันของสหรัฐฯ หลังการประกาศมาตรการ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากทำให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลง การลงทุนชะลอตัว และสุดท้ายบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม WTO ชี้ว่าความสามารถของภาคธุรกิจในการบริหารจัดการกับความไม่แน่นอนจะเป็นตัวชี้ขาดว่าเศรษฐกิจมหภาคที่ฟื้นตัวในปี 2024 จะสามารถขับเคลื่อนการเติบโตของการค้าโลกต่อไปได้หรือไม่
ภายใต้สถานการณ์ภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนทิศทางการค้า โดยจีนอาจต้องมองหาตลาดใหม่นอกเหนือจากสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าการส่งออกของจีนไปยังภูมิภาคนอกอเมริกาเหนือในปี 2025 อาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 4% ถึง 9%
แม้การค้าบริการ (Services Trade) จะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้า แต่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการค้าสินค้าที่ลดลง เช่น บริการขนส่งและโลจิสติกส์ นอกจากนี้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังอาจทำให้การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนชะลอตัวลง
รายงานยังกล่าวถึงบทบาทของ WTO ซึ่งเดิมเป็นเวทีหลักในการเจรจาข้อตกลงการค้าโลก แต่ปัจจุบันบทบาทนี้ถูกตั้งคำถามมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีโดยไม่ยึดหลักประเทศที่ได้รับความเอื้อเฟื้อสูงสุด (most favored nation – MFN) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของระบบการค้าที่ WTO กำกับดูแล
ด้านจีนได้เรียกร้องให้ WTO ตรวจสอบผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ โดยยืนยันว่ามาตรการภาษีต่างตอบแทนไม่ใช่ทางออก และสุดท้ายจะย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐฯ เอง