ธนาคารโลกยก ‘หวยเกษียณ’ ไทย เป็นนวัตกรรมเด่น กระตุ้นการออมเพื่อสังคมสูงวัย

กรุงวอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐอเมริกา – ธนาคารโลก (World Bank) แสดงความชื่นชมต่อโครงการ ‘หวยเกษียณ’ ของประเทศไทย โดยมองว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่งและสามารถเป็นแบบอย่างให้ประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ได้นำไปปรับใช้ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการออมในยุคสังคมสูงวัย

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการหารือทวิภาคีกับนายมามตา เมอร์ติ รองประธานธนาคารโลก และคณะผู้บริหาร ในระหว่างการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (WB-IMF Spring Meetings) ประจำปี 2568 ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยหัวข้อหลักในการหารือคือ การปฏิรูประบบสวัสดิการเพื่อรองรับสังคมสูงวัย

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ธนาคารโลกได้ประเมินเบื้องต้นว่า ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยด้วยอัตราเร่งที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก และมีช่องว่างทางการคลังในการรับมือกับปัญหานี้อยู่ในระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ทั้งนี้ การประเมินของธนาคารโลกครอบคลุมถึงเครื่องมือและกองทุนต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนการออมแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ธนาคารโลกให้ความสำคัญและแสดงความสนใจอย่างมากคือ โครงการ ‘หวยเกษียณ’ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1 ของสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อเร็วๆ นี้ และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการจำนวน 31 คน ก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ในสมัยประชุมสภาฯ ครั้งถัดไป

ธนาคารโลกมองว่า โครงการหวยเกษียณเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่ง (amazing innovation) เพราะสามารถดึงเอาวิถีชีวิตและพฤติกรรมการเสี่ยงโชคของประชาชนมาแปลงเป็นระบบการออมที่ใช้แรงจูงใจได้อย่างน่าสนใจ ถือเป็นโมเดลต้นแบบที่ธนาคารโลกจะศึกษาเชิงลึกร่วมกับประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดและประเมินความเป็นไปได้ในการนำไปปรับใช้ หรือเป็นแนวทางสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังประสบปัญหาคล้ายคลึงกันในการกระตุ้นให้ประชาชนมีการออมเพื่อรองรับวัยชรา

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ยังได้เน้นย้ำถึงข้อดีของโมเดลหวยเกษียณว่า นอกจากจะสร้างระบบการออมที่อาศัยแรงจูงใจแล้ว ยังใช้เงินงบประมาณของรัฐค่อนข้างน้อย เพียงประมาณ 750 ล้านบาทต่อปี แต่คาดการณ์ว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการออมในระบบได้สูงถึงปีละ 13,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพในการดึงเม็ดเงินจำนวนมากที่อยู่ในระบบการเสี่ยงโชคนอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ และแปลงเม็ดเงินเหล่านั้นให้กลายเป็นการออมของประชากรในประเทศ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวบุคคลและระบบเศรษฐกิจโดยรวม

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวทิ้งท้ายว่า หากกฎหมายหวยเกษียณมีผลบังคับใช้และสามารถกระตุ้นการออมได้ตามเป้าหมาย ก็จะช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในการดูแลผู้สูงอายุในอนาคตลงได้อย่างมหาศาล เนื่องจากประชาชนจะมีเงินออมส่วนหนึ่งไว้ใช้จ่ายในช่วงบั้นปลายชีวิตด้วยตนเอง ทำให้รัฐบาลสามารถนำงบประมาณส่วนนั้นไปพัฒนาด้านอื่น ๆ หรือใช้เพื่อดูแลกลุ่มเปราะบางที่ยังขาดโอกาสในการออมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ การที่สถาบันการเงินระดับโลกอย่างธนาคารโลกให้ความสนใจและยกย่องโครงการหวยเกษียณของไทย สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของแนวคิดนี้ในการเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อรับมือกับความท้าทายของสังคมสูงวัยที่กำลังเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก

รายงานโดย เภรี กุลาธรรม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *