วิสุทธิ์ไม่กังวลเสียงแตกพรรคร่วมรัฐบาล ยันหัวหน้าภูมิใจไทยคุยเอง ชี้ยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ เท่านั้น
วันที่ 12 เมษายน 2568 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า เบื้องต้นเราทราบคร่าวๆ จากรัฐบาลว่าจะเป็นช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคม ส่วนจะต้องมีการหารือกันช่วงไหนนั้น ขอให้เป็นช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าหลังจากพิจารณางบประมาณเสร็จอาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจ ตนไม่ก้าวก่าย เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติต้องทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
ส่วนประเด็นที่ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ประกาศไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) กังวลว่าจะกระทบกับเสียงของพรรคร่วมในการโหวตพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ หรือไม่ นายวิสุทธิ์ ตอบว่า นายไชยชนกเป็นเลขาธิการของพรรคภูมิใจไทย ในเมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกับหัวหน้าพรรค ก็เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคต้องไปทำความเข้าใจกัน เป็นเรื่องที่เขาต้องไปบริหารจัดการภายในพรรคกันเอง โดยมารยาทเราไม่ไปแทรกแซง แต่อะไรที่เกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคต้องไปพิจารณาเอง
ผู้สื่อข่าวถามย้ำกังวลว่าจะกระทบกับเสียงของพรรคร่วมในการโหวตพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ หรือไม่ นายวิสุทธิ์ ระบุว่า ไม่กังวล ในเมื่อหัวหน้าพรรคเขายืนยันว่ายังจะไปด้วยกัน ก็เป็นเรื่องที่ดี และเขาคงมีการพูดคุยกันเองระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับนายกรัฐมนตรีที่จะต้องมีเจรจากัน
ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นายวิสุทธิ์ เผยว่า เรื่องนี้คงต้องทำความเข้าใจกับประชาชนหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะนี้อยู่ในช่วงงานเทศกาลรวมถึงทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว หลังจากนี้ตัวแทนต่างๆ ก็จะทำความเข้าใจ และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำความเข้าใจต่อไป
ทางด้านกรณี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กล่าวทิ้งท้ายในวันสุดท้ายของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่าอาจจะไม่มีสมัยประชุมหน้า แสดงถึงการส่งสัญญาณยุบสภา หรือมีนัยอะไรหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวตอบว่า ยังไม่จำเป็นต้องไปยุบสภา อำนาจการยุบสภาไม่ใช่อำนาจของประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล เพราะฉะนั้นในพรรคเพื่อไทยได้คุยกันไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ และขณะนี้ สส. ก็กลับพื้นที่ไปเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ อย่าไปซีเรียสเรื่องการเมืองให้มากนัก อำนาจการยุบสภาเป็นของนายกรัฐมนตรี คนอื่นไม่ต้องพูด “คุณไม่มีสิทธิออกความเห็นในเรื่องนี้ แม้แต่ผมเอง”
ทางด้าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีความเห็นต่างเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในสภาฯ ว่า ตนได้พูดคุยกับ สส.พรรคเพื่อไทย หลายคนรู้สึกอึดอัด มองว่าสิ่งที่บางพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทำ เป็นการเล่นการเมืองเกินกว่าเหตุโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของประเทศ ที่รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การเล่นการเมืองแบบนี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องธีมปาร์ค เหมือนดิสนีย์แลนด์ ยูนิเวอร์แซล ที่เน้นเรื่องการท่องเที่ยวดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอย ดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา
ส่วนที่เป็นห่วงเรื่องกาสิโนนั้นยืนยันมีแค่ 10% และในพรรคเพื่อไทยคุมเข้มไม่ยอมให้คนไทยติดการพนันแน่นอน และในส่วนนี้เราจะเข้าไปยกร่างกฎหมายในสภาฯ อย่างเข้มงวด เราจะไม่ยอมให้ปัญหานี้เกิด อยากให้พรรคร่วมเห็นความจำเป็นของประเทศที่ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหลักก่อน เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่วันนี้เม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศลดต่ำมากกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ จำเป็นต้องดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อลงทุน
นายวรวัจน์ ระบุต่อไปว่า แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องการทำถูกสร้างให้เกิดความเข้าใจผิดว่าจะทำให้คนไทยติดการพนันซึ่งในความเป็นจริงเพื่อไทยไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอยู่แล้ว เมื่อเรารู้ว่าเป็นปัญหาเราไม่ยอม เพราะที่สุดแล้วเรื่องนี้เป็นภาพลักษณ์ที่เราต้องรักษา แต่เมื่อเหตุการณ์มาเช่นนี้เชื่อว่าผู้มีอำนาจในพรรคคงต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างเพื่อเดินหน้างานนโยบายในแต่ละด้านให้คืบหน้าไปให้ได้อย่างรวดเร็วเหมือนที่เราเคยบริหารประเทศมาในอดีต