จ่อฟัน ผัวเมียคนสนิท “ทิดแย้ม” ปมเงินวัดไร่ขิงหาย พบเงินค่าเช่าที่งานวัดไม่เข้าบัญชีหลวง!
นครปฐม – เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง และ ปปท. เร่งขยายผลตรวจสอบบัญชีการเงินวัดไร่ขิงอย่างละเอียด พบความไม่เป็นระบบ ซ้ำยังชี้เป้าสามีภรรยาคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาส (ทิดแย้ม) ที่เชื่อว่ามีส่วนสำคัญในการยักยอกเงินวัด หลังพบเงินค่าเช่าแผงค้างานประจำปีถูกส่งมอบให้ถึงมือก่อนหายเข้ากลีบเมฆ!
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ทีมข่าวรายงานความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการตรวจสอบการทุจริตเงินวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ภายใต้การนำทีมของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ลงพื้นที่วัดไร่ขิงอีกครั้ง
ภารกิจหลักในการลงพื้นที่ครั้งนี้คือ การเข้าตรวจสอบและวิเคราะห์บัญชีการเงินของวัดทุกประเภทอย่างละเอียด เพื่อประเมินรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน รวมถึงในช่วงเวลาสำคัญที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าวัด โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญบุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเงินของวัดมาให้ข้อมูลและชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นในวันนี้ เจ้าหน้าที่พบประเด็นสำคัญหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ การบริหารจัดการบัญชีธนาคารของวัดที่พบว่ามีความไม่เป็นระบบที่ชัดเจน บัญชีต่างๆ ถูกแบ่งแยกออกเป็นหลายส่วน และการบริหารเงินในแต่ละส่วนก็ไม่ได้เชื่อมโยงหรือสัมพันธ์กัน ทำให้ยากต่อการตรวจสอบภาพรวมว่าวัดมีบัญชีธนาคารอยู่ทั้งหมดกี่บัญชีและแต่ละบัญชีมียอดเงินหมุนเวียนอย่างไร ซึ่งจากปัญหานี้ ทำให้จำเป็นต้องประสานความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกต่อไป
นอกจากการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่ยังได้สำรวจจำนวนตู้บริจาคที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดทั้งหมด ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีตู้บริจาคกระจายอยู่กว่า 185 ตู้ โดยเจ้าหน้าที่ประเมินว่าในวันปกติ วัดจะมีรายได้จากการหยอดตู้บริจาคไม่ต่ำกว่าวันละ 50,000 บาท และในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลปีใหม่ หรือวันพระใหญ่ ที่มีสาธุชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาวัดจำนวนมหาศาล ยอดเงินบริจาคในตู้เหล่านี้จะพุ่งสูงขึ้นกว่าวันปกติหลายเท่าตัว บางวันอาจสูงถึงหลักล้านบาท ซึ่งข้อมูลนี้เป็นสิ่งสำคัญในการคำนวณประมาณการรายรับของวัดในแต่ละช่วง
ส่วนประเด็นการขยายผลเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินวัดเพิ่มเติม นอกเหนือจากอดีตเจ้าอาวาส (ทิดแย้ม) นั้น ขณะนี้ทีมสืบสวนกำลังพิจารณาพยานหลักฐานเกี่ยวกับบุคคลใกล้ชิดบางรายของอดีตเจ้าอาวาส โดยเฉพาะสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าบุคคลทั้งสองนี้น่าจะมีส่วนสนับสนุนในการกระทำผิด
แนวทางการสืบสวนชี้ให้เห็นว่า สามีภรรยาคู่นี้มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการบางอย่างภายในวัดอย่างมาก ทั้งยังมีบทบาทในการทำหน้าที่จัดเก็บเงินค่าเช่าแผงค้าภายในงานวัดประจำปีของวัดไร่ขิง นอกจากนี้ ยังพบว่ารถยนต์หลายคันของวัดมีชื่อของฝ่ายสามีเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจ
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักว่าบุคคลทั้งสองน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินวัดในครั้งนี้ มาจากการตรวจสอบพบว่า สามีภรรยาคู่นี้เคยนำเงินสดที่ได้จากการเก็บค่าเช่าแผงค้าในช่วงงานประจำปีของวัด ไปส่งมอบให้กับนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาส โดยตรงที่กุฏิส่วนตัว
แต่ภายหลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน กลับไม่พบว่าเงินค่าเช่าแผงค้างวดดังกล่าวถูกนำเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคารของวัดแต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะทำงานชุดใหญ่เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและประเมินพยานหลักฐานร่วมกัน หากพบว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่บ่งชี้ว่าสามีภรรยาคู่นี้มีการกระทำผิดตามกฎหมายจริง ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไปโดยเร็วที่สุด เพื่อนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีและนำเงินของวัดที่ถูกยักยอกไปกลับคืนมาให้ได้มากที่สุด