จากกรณีที่ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ ‘บิ๊กเต่า’ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายภายในวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จำนวน 3 จุด และบ้านพักของเจ้าหน้าที่วัดอีก 1 จุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (วันที่ 16 พฤษภาคม 2568) เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเชื่อมโยงกับคดีการทุจริตยักยอกเงินของวัดไร่ขิง มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ล่าสุดมีรายงานว่า ‘อดีตเจ้าคุณแย้ม’ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ได้รับสารภาพแล้วบางส่วน แต่ทางเจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ จะสามารถติดตามเงินที่ถูกยักยอกไปกลับคืนมาได้อย่างครบถ้วน

ในส่วนของปฏิกิริยาของประชาชนในพื้นที่วัดไร่ขิง หลังจากที่ได้ทราบข่าวการเข้าตรวจค้นและคดีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านรายหนึ่ง ซึ่งมาใส่บาตรที่วัดเป็นประจำทุกเช้า ชาวบ้านรายนี้ได้เปิดใจถึงความรู้สึกว่า ตนเองเป็นชาวพุทธ นับถือพระศาสนา และแยกความศรัทธาระหว่าง ‘หลวงพ่อวัดไร่ขิง’ ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ กับเรื่องส่วนบุคคลของพระสงฆ์แต่ละรูป

ชาวบ้านผู้นี้เล่าว่า ตนเองเกิดและเติบโตที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และเป็นลูกศิษย์วัดไร่ขิงมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสองค์ก่อนจนถึงเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ตนเองมาทำบุญและใส่บาตรที่วัดไร่ขิงเป็นประจำทุกวันพระ และมาใส่บาตรในตอนเช้ามาเป็นเวลากว่า 20-30 ปีแล้ว โดยยังคงมีความเคารพและศรัทธาในองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิงอย่างไม่เสื่อมคลาย

สำหรับความรู้จักกับ ‘อดีตเจ้าคุณแย้ม’ ชาวบ้านรายนี้เปิดเผยว่า ตนเองเคยบวชอยู่ที่วัดไร่ขิง เมื่อปี พ.ศ. 2543 และได้บวชอยู่กับท่านอดีตเจ้าคุณแย้มในขณะนั้น ท่านมีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด มีการอบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณรเกี่ยวกับพระธรรมวินัยและบาลี มีการสอบตามพระวินัย ซึ่งในสมัยนั้นไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นเลย ทำให้ในตอนแรกที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ ส่วนตัวไม่ค่อยอยากจะเชื่อ คิดว่าน่าจะเป็นการใส่ร้าย หรือกลั่นแกล้ง จึงได้แต่ฟังหูไว้หู เพราะยังไม่มีหลักฐานชัดเจน

ชาวบ้านรายนี้ยอมรับว่า เพิ่งได้ยินข่าวเรื่องการยักยอกเงินวัดอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องที่เกินกว่าที่คาดหมายไว้มาก ไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะบานปลายและร้ายแรงขนาดนี้ โดยเฉพาะการที่มีเรื่อง ‘สีกา’ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินวัดจำนวนหลายร้อยล้านบาท

นอกจากนี้ ชาวบ้านยังกล่าวถึงบรรยากาศล่าสุดที่วัดไร่ขิงในวันวิสาขบูชาที่ผ่านมาว่า ตนเองก็ยังมาทำบุญตามปกติ และไม่ได้รับรู้หรือระแคะระคายถึงเรื่องคดีนี้เลย จนกระทั่งเมื่อวานที่ได้ทราบข่าวอย่างเป็นทางการ ในตอนแรกก็ยังไม่อยากเชื่อ แต่เมื่อเห็นพยานหลักฐานที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ก็ทำให้เชื่อมั่นอย่างสนิทใจแล้วว่าเรื่องนี้เป็นความจริง

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านย้ำว่า ตนเองยังคงแยกแยะเรื่องส่วนบุคคลออกจากเรื่องของสถาบันศาสนา และยังคงศรัทธาในองค์หลวงพ่อวัดไร่ขิง รวมถึงคณะสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ส่วนเรื่องคดีความที่เกี่ยวข้องกับ ‘อดีตเจ้าคุณแย้ม’ และการยักยอกเงินวัดนั้น ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ผู้ใดทำผิดก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน

ชาวบ้านยังสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในเช้าวันนี้ (วันที่ 16 พฤษภาคม 2568) โดยกล่าวว่า ปกติแล้วในตอนเช้าจะมีพระภิกษุมานั่งรอรับบาตรบริเวณที่ประจำ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ญาติโยมที่จะต้องรีบไปทำงาน ซึ่งจะมีชาวบ้านจำนวนมากมาใส่บาตร แต่ในเช้าวันนี้กลับไม่มีพระมานั่งรอรับบาตร ทำให้บรรยากาศดูเงียบกว่าปกติ