เปิดตำนาน วัดป่ากุง ร้อยเอ็ด: ตามรอยธรรม หลวงปู่ศรี มหาวีโร สักการะอัฐิ ชมเจดีย์บุโรพุทโธจำลอง หนึ่งเดียวในไทย
จังหวัดร้อยเอ็ด – ดินแดนอีสานที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนา หนึ่งในสถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือ วัดประชาคมวนาราม หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในชื่อ วัดป่ากุง ตั้งอยู่ที่หมู่ 11 ตำบลศรีสมเด็จ อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด วัดแห่งนี้มีความเป็นมายาวนานกว่า 170 ปี และได้รับการพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองมาอย่างต่อเนื่อง
หัวใจสำคัญของการพัฒนาวัดป่ากุงคือ หลวงปู่ศรี มหาวีโร หรือ พระเทพวิสุทธิมงคล (ในขณะนั้น) อดีตเจ้าอาวาส ท่านได้เข้ามาดูแลและพัฒนาวัดแห่งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาของญาติโยม ทำให้วัดป่ากุงที่เคยเป็นวัดเก่าแก่กลับคืนสู่ความสง่างามและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน
หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านเป็นพระวิปัสสนาจารย์ผู้ใหญ่สายอีสานที่ได้รับการยกย่อง ท่านสืบสายธรรมโดยตรงจาก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า เมื่อย่างเท้าเข้ามาภายในบริเวณวัดประชาคมวนาราม ผู้มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงความสงบร่มรื่นอย่างแท้จริง จากแมกไม้น้อยใหญ่นานาพรรณที่ปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบ
วัตถุประสงค์หลักที่พุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางมายังวัดแห่งนี้คือ เพื่อเข้ากราบสักการะ อัฐิธาตุหลวงปู่ศรี ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน เจดีย์มหาวีราจริยานุสรณ์หลวงปู่ศรี มหาวีโร เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่บริเวณกลางสระน้ำขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของการน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีของหลวงปู่ ถึงแม้ท่านจะละสังขารไปนานกว่าสิบปีแล้ว แต่ความศรัทธาในปฏิปทาของท่านยังคงไม่เสื่อมคลาย
หลวงปู่ศรี มหาวีโร มีนามเดิมว่า ศรี ปักกะสีนัง เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2460 ที่บ้านขามป้อม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ท่านเข้าพิธีอุปสมบทเมื่ออายุ 28 ปี ในปี พ.ศ. 2489 ณ พัทธสีมาวัดราษฎร์รังสรรค์ บ้านป่ายาง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระโพธิญาณมุนี (ดำ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “มหาวีโร”
ในปี พ.ศ. 2489 ท่านได้จาริกไปจำพรรษาที่วัดป่าแสนสำราญ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และมีโอกาสศึกษาปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนากรรมฐานกับ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่มั่น ด้วยความเลื่อมใสอย่างยิ่งในปฏิปทาของหลวงปู่มั่น ท่านจึงได้เดินทางไปกราบนมัสการและศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่นที่สำนักป่า อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ในช่วงที่หลวงปู่มั่นอยู่ในปัจฉิมวัย และท่านยังได้อุปัฏฐากรับใช้หลวงปู่มั่นกระทั่งท่านละสังขาร
หลวงปู่ศรี ได้มาจำพรรษาและเป็นผู้นำในการพัฒนาวัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 เป็นต้นมา โดยได้สร้างคุณูปการและสาธารณประโยชน์มากมาย หนึ่งในงานที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่ประจักษ์คือ การก่อสร้าง พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ณ วัดผาน้ำทิพย์ อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่ลูกหลานไทยร่วมแรงร่วมใจสร้างขึ้น
ด้วยวัตรปฏิบัติอันงดงามและเมตตาธรรมอันเสมอภาค หลวงปู่ศรีเป็นที่เคารพรักของสาธุชนทุกชั้นวรรณะ ท่านเป็นสหธรรมิกที่ถูกอัธยาศัยกับพระคณาจารย์ผู้ใหญ่หลายรูป เช่น หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน, หลวงปู่บัว สิริปุณโณ, และ พระอาจารย์ชา สุภัทโท ซึ่งทุกท่านล้วนเคยออกเดินธุดงค์บำเพ็ญสมณธรรมร่วมกัน
หลวงปู่ศรี มหาวีโร ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 05.33 น. สิริอายุได้ 94 ปี 3 เดือน 13 วัน 65 พรรษา หลังจากนั้น ได้มีการสร้างเจดีย์อนุสรณ์ครอบอัฐิของท่านไว้บริเวณเมรุชั่วคราวเดิม เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีที่กราบไหว้สักการบูชา
นอกจากการกราบสักการะอัฐิธาตุหลวงปู่ศรีแล้ว เมื่อมาเยือนวัดป่ากุง อีกหนึ่งถาวรวัตถุที่งดงามและมีความโดดเด่นอย่างยิ่งคือ มหาเจดีย์บุโรพุทโธจำลอง ซึ่งจำลองมาจากบุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 90 ปี พรรษา 60 ของหลวงปู่ศรี จุดเด่นคือเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สร้างจากหินทรายธรรมชาติแห่งแรกในประเทศไทย หลวงปู่ศรีเคยไปปฏิบัติศาสนกิจและจำพรรษาที่ประเทศอินโดนีเซีย จึงเกิดความประทับใจในมหาเจดีย์บุโรพุทโธ และหลังกลับมาที่วัดป่ากุง ท่านจึงร่วมกับญาติโยมสร้างเจดีย์จำลององค์นี้ขึ้นจนแล้วเสร็จ
มหาเจดีย์บุโรพุทโธจำลองกลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญรองลงมาจากเจดีย์อนุสรณ์หลวงปู่ศรี ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก การเดินทางมายังวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) ก็สะดวกสบาย เนื่องจากมีถนนลาดยางตลอดสาย และสามารถเข้าได้หลายเส้นทาง