ตามรอยหุ่นสาย ‘ช่อชะคราม’ วัดเขายี่สาร: ศิลปะพื้นบ้านที่ยังโลดแล่นในมือเด็กไทย

วันนี้เด็กๆ ยังเชิดหุ่นอยู่ไหมนะ?

คำถามนี้พาเราย้อนกลับมาที่วัดเขายี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สถานที่ซึ่งเมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยมีการแสดงหุ่นสายของเด็กๆ โรงเรียนวัดเขายี่สาร ในนามคณะ “หุ่นสายช่อชะคราม” หุ่นสายที่ถักทอเชื่อมโยงศิลปะการแสดง ภาษาไทย และหัวใจของชุมชนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

ในวันนั้นเมื่อกว่าทศวรรษก่อน เราเคยได้ชมละครหุ่นสายอันน่าประทับใจบนยอดเขาวัดเขายี่สารแห่งนี้ และวันนี้… เรากลับมาอีกครั้งด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า หุ่นสายเหล่านั้นยังคงขยับเคลื่อนไหวอยู่หรือไม่? เด็กๆ รุ่นใหม่ยังคงสืบสานศิลปะอันทรงคุณค่านี้ต่อไปบ้างไหม?

การกลับมาเยือนยี่สารครั้งนี้ทำให้เราได้พบกับ น้องอีฟ พัชรินทร์ แก้วโน อดีตนักเชิดหุ่นวัย 10 ขวบในวันนั้น ปัจจุบันเธออายุ 20 ปี กำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสวีเดน แต่ก่อนจะเดินทาง เรานัดกับเธอเพื่อแวะกลับมาเยี่ยมเยียนคณะหุ่นสายที่เธอเคยผูกพัน

“ดีใจที่เห็นว่าหุ่นสายยังอยู่ และเด็กๆ รุ่นใหม่ก็ยังแสดงอยู่เลยค่ะ” น้องอีฟกล่าวด้วยความรู้สึกปีติ “เคยคิดว่าพอรุ่นเราหายไป หุ่นสายอาจจะเงียบลงไปบ้าง แต่วันนี้ทุกอย่างยังมีชีวิตอยู่ ทั้งเด็กๆ ทั้งครูเลยค่ะ”

สำหรับน้องอีฟ การได้ฝึกฝนเชิดหุ่นตั้งแต่วัยเด็กคือจุดเริ่มต้นสำคัญของหลายสิ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการฝึกความกล้าแสดงออก ได้ใช้และฝึกฝนทักษะภาษาไทยอย่างลึกซึ้ง ทั้งการอ่าน การท่องจำบท รวมถึงการฝึกพากย์เสียงตัวละครต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งเสียงคนแก่ หรือแม้แต่สำเนียงเหน่อในละครรณรงค์เรื่องโรคไข้เลือดออก

“เป็นทั้งนักเชิดและคนพากย์ เราต้องเข้าใจบทบาท ตัวละคร จังหวะ และที่สำคัญคือต้องทำงานร่วมกับทีมงานได้ดี” น้องอีฟเล่าถึงบทบาทที่เธอเคยทำ “การพากย์ไม่ใช่แค่การพูดบทละคร แต่ต้องสื่ออารมณ์ตามตัวละครนั้นๆ ออกมาให้คนดูรู้สึกตามไปด้วยค่ะ”

การแสดงหุ่นสาย “ช่อชะคราม” ไม่ได้ใช้เพียงแค่เชือกหรือมือในการควบคุม แต่ต้องใช้หัวใจ ใช้จินตนาการ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งระหว่างคนเชิดและคนพากย์ พี่นก นิรมล เมธีสุวกุล พิธีกรรายการทุ่งแสงตะวัน ซึ่งเคยมีโอกาสชมการแสดงหุ่นสายที่นี่หลายครั้ง ได้ลองเชิดชักหุ่นด้วยตัวเอง และเล่าถึงประสบการณ์ว่า “เชือกแต่ละเส้นมีหน้าที่เฉพาะของมันเอง มีหลายเส้นมาก การที่จะเชิดหุ่นให้ดูมีชีวิต เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ต้องใช้ความแม่นยำ พอดี และต้องสัมพันธ์กับจังหวะของเสียงพากย์ด้วยค่ะ”

ด้าน เด็กหญิงสายฝน ชลดา ประทีปพิชัย นักเชิดหุ่นรุ่นใหม่ของคณะฯ เล่าเสริมจากมุมมองของเด็กๆ ว่า “คนพากย์กับคนเชิดต้องซ้อมกันให้เข้าจังหวะมากๆ เลยค่ะ ถ้าใครคนใดคนหนึ่งเร็วหรือช้าไปนิดเดียว การแสดงจะไม่ลื่นไหล จะดูไม่สวยงามค่ะ”

บทละครที่เด็กๆ นำมาแสดงในวันนี้คือเรื่อง “สุดสาคร” จากวรรณคดีไทยอันลือชื่อ ซึ่งถูกนำมาตีความใหม่ เติมมุขตลก และเสริมคำศัพท์ที่ร่วมสมัยเข้าไป แต่ยังคงหัวใจหลักของเรื่องราววรรณคดีดั้งเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน

แม้จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ ครูปาริชาติ นวลิมป์ ครูผู้ริเริ่มก่อตั้งชมรมหุ่นสายช่อชะครามแห่งนี้ ยังคงเดินทางมาสอนเด็กๆ อย่างสม่ำเสมอ ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความรักและความตั้งใจที่จะสืบสานศิลปะแขนงนี้

“ใจรักค่ะ อยากให้ครูรุ่นใหม่และเด็กๆ ได้สานต่อไป” ครูปาริชาติกล่าวถึงแรงบันดาลใจ “เด็กยุคนี้มีทางเลือก มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมาย แต่หุ่นสายก็ยังเป็นกิจกรรมที่สนุก ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ออกไปแสดง ได้ออกงาน ได้รับค่าตัวเล็กๆ น้อยๆ ได้ฝึกความรับผิดชอบ และที่สำคัญคือได้เรียนรู้การทำงานเป็นทีมค่ะ”

จากอดีตที่หุ่นสายถูกเก็บรวมกันไว้ในห้องเรียนเพียงห้องเดียว วันนี้โรงเรียนวัดเขายี่สารมีห้องสำหรับจัดเก็บหุ่นสายโดยเฉพาะ จัดแขวนหุ่นทั้งเก่าและใหม่อย่างเป็นระเบียบ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าโรงเรียนแห่งนี้ให้คุณค่ากับศิลปะท้องถิ่นและกระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ผ่านกิจกรรมหุ่นสายนี้

น้องอีฟเล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่กับชมรมว่า “ตอนเป็นเด็กสนุกมากๆ ค่ะ เพราะได้อยู่กับเพื่อนๆ ได้ทำกิจกรรมด้วยกัน กินข้าวเสร็จแล้วก็มาซ้อมหุ่นกับครู เป็นความทรงจำที่อบอุ่นมากๆ เลยค่ะ”

แม้วันนี้เธอกำลังจะเดินทางไกลเพื่อไปศึกษาต่อ แต่ใจของน้องอีฟยังคงเชื่อมโยงกับสายใยเล็กๆ ที่เป็นสายควบคุมหุ่นไม้เหล่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนสายใยที่เชื่อมเธอเข้ากับความทรงจำอันล้ำค่าในวัยเด็ก

การแสดงหุ่นสาย “ช่อชะคราม” ในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมในโรงเรียนอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของชุมชน เด็กๆ ได้มีโอกาสออกไปแสดงในงานต่างๆ ทั้งงานกาชาด ถนนคนเดิน และมีเวทีให้แสดงฝีมือจริง ได้รับคำชื่นชม ได้รับรางวัล และที่สำคัญคือได้รับประสบการณ์ชีวิตอันทรงคุณค่า

เมื่อการแสดงจบลง เด็กๆ ทุกคนจะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง รู้สึกว่าความพยายามฝึกซ้อมของพวกเขามีความหมาย ทุกบทเรียนที่ได้จากกิจกรรมหุ่นสายไม่ได้สอนเพียงแค่การแสดง แต่ยังสอนเรื่องความรับผิดชอบ ความพยายาม และความผูกพันระหว่างเพื่อนและครู

การกลับมาเยือนยี่สารในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การกลับมาชมละครหุ่น แต่คือการกลับมาทบทวนและสัมผัสถึงหัวใจของการสืบสาน หัวใจที่ยังเชื่อว่าศิลปะเล็กๆ ก็สามารถสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ได้ และหัวใจของเด็กไทยยังเต็มไปด้วยศักยภาพ หากมีพื้นที่และโอกาสให้พวกเขาได้แสดงออก หุ่นสาย “ช่อชะคราม” จึงไม่ใช่เพียงคณะหุ่นสาย แต่คือเรื่องเล่าแห่งความฝัน การเรียนรู้ และการสืบสานของคนหลายวัยอย่างแท้จริง

จากวันนั้น…ถึงวันนี้ สัมผัสการแสดงที่เวทีเล็กๆ บนยอดเขา สัมผัสพลังชีวิต และเราหวังว่าสายใยแห่งแรงบันดาลใจนี้จะยังคงขยับเคลื่อนไหวต่อไป เพื่อส่งต่อพลังและขยับหัวใจของใครต่อใครในวันข้างหน้า

เรื่องราว “สายใย หุ่นสาย” จะออกอากาศในรายการทุ่งแสงตะวัน วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.05 น. ทางช่อง 3 และรับชมออนไลน์ได้ตั้งแต่เวลา 07.30 น. ทางเพจทุ่งแสงตะวัน และยูทูบ Payai TV

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *