สมุทรสาคร – เปิดผลตรวจประเมินความเสี่ยง กรณีปัญหาบ้านทรุดในหมู่บ้านดัง จ.สมุทรสาคร หลังลูกบ้านกว่า 30 หลังติดป้ายประกาศขาย ด้านผู้ว่าฯ เรียกประชุมทุกฝ่าย ยันรัฐไม่ได้นิ่งเฉย ขณะที่ตัวแทนโครงการฯ รับผิดชอบค่าซ่อมแซมทั้งหมด ชี้เหตุล่าช้าเพราะรอชาวบ้านจัดหาผู้รับเหมาที่เชื่อถือได้ตามต้องการ

จากกรณีที่เป็นที่ฮือฮาในสังคมออนไลน์ เมื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีลูกบ้านราว 30 หลังคาเรือนพร้อมใจกันติดป้ายสีแดงขนาดใหญ่ประกาศขายบ้าน โดยมีข้อความระบุถึงสภาพบ้านที่เสียหายรุนแรง ทั้งบ้านทรุด บ้านร้าว ปูนเปื่อย หลังคาน้ำรั่ว พื้นยุบ ห้องน้ำน้ำขังหยดลงชั้นล่าง แถมยังระบุโปรโมชั่นแบบประชดประชัน เช่น ฟรีปลวก ฟรีห้องครัวไม่พร้อมใช้งาน ฟรีที่จอดรถหน้าบ้านทรุดแน่นอน แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่ลูกบ้านเผชิญ ทั้งที่บางหลังเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่ถึงปี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้เรียกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนโครงการหมู่บ้าน และวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงตัวแทน อบต.ท่าทราย เข้าหารือเพื่อเร่งหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้กลับไม่มีตัวแทนของฝ่ายลูกบ้านที่ได้รับความเสียหายเข้าร่วมหารือด้วย ทำให้การพูดคุยเป็นเพียงการหารือเบื้องต้นระหว่างหน่วยงานรัฐและฝ่ายโครงการ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และตัวแทนโครงการฯ จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ทันทีที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับความชำรุดเสียหายของบ้านในโครงการดังกล่าว ทั้งปัญหาตอม่อ/ฟิตติ้งยุ่ย พื้นทรุด ผนังแตก หรือบ้านเอียง ซึ่งเกิดขึ้นกับบ้านที่ซื้อมายังไม่ถึง 1-2 ปี หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานโยธาธิการฯ ศูนย์ดำรงธรรม และ สคบ. ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหลายครั้งตามขั้นตอนแล้ว

ผู้ว่าฯ ยืนยันว่า หน่วยงานรัฐพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า นอกเหนือจากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่แล้ว ยังมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เข้ามาช่วยตรวจประเมินความเสี่ยงของโครงสร้างบ้านด้วย

ผลตรวจประเมินความเสี่ยงโดยผู้เชี่ยวชาญ

นายนริศ เปิดเผยว่า ผลการตรวจประเมินจากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับบ้านในโครงการดังกล่าวสามารถทำการปรับปรุงซ่อมแซมแก้ไขได้ ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการให้ทางโครงการและชาวบ้านมาหารือร่วมกันเพื่อหาข้อยุติและแนวทางการซ่อมแซม อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ไม่มีตัวแทนลูกบ้านเข้าร่วม จึงจำเป็นต้องมีการจัดประชุมหารือร่วมกันอีกครั้งในอนาคต

ด้าน ตัวแทนโครงการหมู่บ้านฯ ยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง และพร้อมที่จะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงซ่อมแซมให้กับลูกบ้านทั้ง 30 หลังคาเรือน โดยก่อนหน้านี้เคยมีการหารือร่วมกับลูกบ้านเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางลูกบ้านต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือเป็นผู้ตรวจสอบเท่านั้น ไม่ให้ช่างของโครงการฯ ตรวจประเมิน เพราะขาดความเชื่อมั่นไปแล้ว

ตัวแทนโครงการฯ กล่าวต่อว่า ทางโครงการจึงได้ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ เข้ามาตรวจประเมินความเสี่ยง ซึ่งผลการประเมิน (ตามหนังสือแจ้งวันที่ 3 พฤษภาคม) ยืนยันว่า โครงสร้างบ้านยังสามารถพักอาศัยได้ภายหลังการซ่อมแซม ทางโครงการยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงซ่อมแซมทุกหลัง และจะทำประกันความเสียหายเพิ่มให้อีก 10 ปี แต่ยังไม่มีแนวคิดที่จะรับซื้อบ้านคืนหรือทุบทิ้งสร้างใหม่ มีเพียงการซ่อมแซมตามที่วิศวกรแนะนำ

สำหรับกรณีที่ลูกบ้านมองว่าโครงการนิ่งเฉยจนทำให้การดำเนินการล่าช้านั้น ตัวแทนโครงการฯ ยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งเฉย แต่สาเหตุที่ล่าช้าเกิดจากการที่โครงการรอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งรอให้ลูกบ้านแนะนำหรือจัดหาบริษัทผู้รับเหมาที่มีความชำนาญในการปรับปรุงซ่อมแซมสภาพบ้านดังกล่าวเข้ามาดำเนินการเอง เนื่องจากลูกบ้านไม่ให้ความเชื่อถือบริษัทที่ทางโครงการฯ จะจัดหามา ซึ่งหากลูกบ้านสามารถหาบริษัทผู้รับเหมาที่ไว้วางใจได้เร็ว โครงการฯ ก็พร้อมให้ลงมือทำทันที โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดโครงการจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ในส่วนของปัจจัยที่ทำให้บ้านเกิดปัญหาทรุดตัวและฟิตติ้งเสียหายนั้น ตัวแทนโครงการฯ ชี้แจงว่า อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความหนาแน่นของดินที่ยังน้อยเกินไป ปูนที่ยังไม่เซ็ตตัวดี หรือการทรุดตัวและการดึงรั้งของตัวบ้านจนเกิดรอยร้าว เป็นต้น