สหรัฐฯ-ยูเครน ลงนามข้อตกลงครั้งสำคัญ! ตั้งกองทุนสำรวจทรัพยากรและฟื้นฟูเศรษฐกิจยูเครนท่ามกลางสงคราม

สหรัฐฯ-ยูเครน ลงนามข้อตกลงครั้งสำคัญ! ตั้งกองทุนสำรวจทรัพยากรและฟื้นฟูเศรษฐกิจยูเครนท่ามกลางสงคราม

วอชิงตัน ดี.ซี. – รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลยูเครน ได้ลงนามในข้อตกลงจัดตั้งกองทุนร่วมเพื่อสำรวจทรัพยากรพลังงานและแร่ธาตุในยูเครน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงคราม การลงนามครั้งประวัติศาสตร์นี้มีขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพุธที่ 30 เมษายน ภายหลังการเจรจาอย่างเข้มข้นนานหลายเดือน ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งกับรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ

รายงานจากบีบีซีเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างสองประเทศ โดยนายสกอต เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ลงนามร่วมกับนางยูเลีย สวิริเดนโก รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของยูเครน

นายเบสเซนต์กล่าวภายหลังการลงนามว่า การจัดตั้งกองทุนนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายต่อการสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองที่ยั่งยืนในยูเครน สำหรับทางการยูเครน ข้อตกลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เนื่องจากถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าถึงความช่วยเหลือทางการทหารจากสหรัฐฯ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย

ในทางกลับกัน สหรัฐฯ ก็จะได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงแหล่งแร่ธาตุสำคัญจำนวนมากที่เชื่อว่ามีอยู่ในยูเครน แร่ธาตุเหล่านี้ รวมถึงแกรไฟต์ ไทเทเนียม และลิเธียม ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน การทหาร และโครงสร้างพื้นฐานภาคอุตสาหกรรม การเข้าถึงแหล่งแร่เหล่านี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับสหรัฐฯ ในการเสริมสร้างความมั่นคงทางห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาแหล่งอื่นๆ

แถลงการณ์จากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กองทุนฟื้นฟูสหรัฐฯ-ยูเครนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนทางการเงินและวัตถุที่สำคัญ ซึ่งสหรัฐฯ ได้มอบให้แก่ยูเครนนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นายเบสเซนต์ยังเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่มองเห็นความร่วมมือระหว่างชาวอเมริกันและชาวยูเครนว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองที่ยั่งยืนในยูเครน พร้อมกันนี้ ยังมีการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า รัฐหรือบุคคลใดๆ ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินหรือความช่วยเหลือแก่รัสเซีย จะไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูบูรณะยูเครน โดยนายเบสเซนต์เสริมว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยปลดล็อกศักยภาพการเติบโตทางสินทรัพย์ของยูเครนด้วย

การลงนามข้อตกลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่สถานการณ์สู้รบในยูเครนยังคงตึงเครียด โดยเฉพาะการโจมตีทางอากาศของรัสเซียต่อเมืองต่างๆ เช่น คาร์คิฟ ขณะที่ทางการยูเครนและนานาชาติยังคงจับตาท่าทีของรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน อย่างใกล้ชิด

ข้อตกลงกองทุนร่วมนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะสนับสนุนการฟื้นฟูยูเครนทางเศรษฐกิจในระยะยาว แต่ยังมีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ทั้งในด้านความมั่นคง แหล่งทรัพยากร และการเมืองระหว่างประเทศ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์สงคราม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *