สหรัฐฯ คว่ำบาตร กองกำลังชาติพันธุ์ KNA ในเมียนมา โยง ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์’

วอชิงตัน, สหรัฐฯ – กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อกองกำลังชาติพันธุ์ Karen National Army หรือ KNA ในเมียนมา พร้อมด้วยผู้นำคือ พันเอก ซอ ชิด ตู่ (Saw Chit Thu) และบุตรชายสองคน ได้แก่ ซอ ตู่ เอ๊ะ มู่ (Saw Htoo Eh Moo) และ ซอ ชิด ชิด (Saw Chit Chit)

มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวมีขึ้นภายใต้ข้อกล่าวหาว่า KNA และผู้นำ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกให้กับการหลอกลวงทางไซเบอร์ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) การค้ามนุษย์ และการลักลอบข้ามแดน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพลเมืองสหรัฐฯ

นายไมเคิล โฟล์เคนเดอร์ (Michael Faulkender) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์ เช่นที่ดำเนินการโดย KNA สามารถสร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ให้กับกลุ่มอาชญากรและผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันก็ช่วงชิงเงินออมที่หามาอย่างยากลำบากและความรู้สึกปลอดภัยไปจากเหยื่อ

“กระทรวงการคลังมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มี เพื่อทำลายเครือข่ายเหล่านี้ และเอาผิดผู้ที่พยายามหาผลประโยชน์จากแผนการอาชญากรรมเหล่านี้” นายโฟล์เคนเดอร์กล่าว

ผู้ที่ถูกจ้างให้ดำเนินการหลอกลวง มักถูกล่อลวงให้มาทำงานภายใต้ข้ออ้างที่ผิด และพบว่าตนเองต้องติดอยู่ในสภาพเหมือนตกเป็นทาส

มาตรการคว่ำบาตรนี้จะปิดกั้นบุคคลเป้าหมายและบริษัทของพวกเขาไม่ให้เข้าถึงเงินและทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯ และห้ามพลเมืองสหรัฐฯ ให้บริการทางการเงินแก่บุคคลเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ พันเอก ซอ ชิด ตู่ เคยถูกสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรคว่ำบาตรแล้วจากกรณีที่ได้รับผลประโยชน์จากศูนย์หลอกลวงและการค้ามนุษย์

ด้าน พันโท นาย หม่อง ซอ (Naing Maung Zaw) โฆษกของ KNA ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติการในฐานะกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force – BGF) ที่เป็นกองกำลังชาติพันธุ์ในสังกัดรัฐบาลทหารเมียนมา ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

พันโท นาย หม่อง ซอ ระบุว่า กิจกรรมของกลุ่มมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาภูมิภาค และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางไซเบอร์ใดๆ เขามองว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เป็นการกระทำที่จงใจลดทอนศักดิ์ศรีโดยประเทศมหาอำนาจกระทำต่อประเทศที่อ่อนแอกว่า

“พวกเขาทำอย่างนั้นเพราะพวกเขาสามารถทำได้” โฆษก KNA กล่าวกับสำนักข่าว Associated Press (AP) เมื่อวันอังคาร

กองกำลังติดอาวุธท้องถิ่นในหลายพื้นที่ชายแดนมีอำนาจควบคุมโดยพฤตินัยในพื้นที่ที่กลุ่มชาติพันธุ์ของตนมีอิทธิพล กองกำลัง KNA ควบคุมพื้นที่ฉวยโก๊กโก่ (Shwe Kokko) และบางส่วนของเมียวดี (Myawaddy) ซึ่งตั้งอยู่ติดชายแดนไทยในรัฐกะเหรี่ยง (Kayin State) หรือที่รู้จักในชื่อ Karen State

ฉวยโก๊กโก่และเมียวดีเป็นที่รู้จักว่าเป็นแหล่งหลบซ่อนของเครือข่ายอาชญากรรมที่บังคับผู้คนนับแสนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และที่อื่นๆ ให้ทำงานหลอกลวงออนไลน์ รวมถึงการหลอกลวงด้านความรัก การเสนอการลงทุนปลอม และแผนการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย นักวิจารณ์กล่าวหาว่า KNA มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมอาชญากรรมเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดก็ในแง่ของการให้ความคุ้มครองศูนย์หลอกลวงต่างๆ

พันโท นาย หม่อง ซอ กล่าวว่า ปฏิบัติการหลอกลวงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในพื้นที่ที่ KNA ควบคุมเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในที่อื่นๆ ในเมียวดีด้วย เขายอมรับว่ากลุ่มของตนได้ให้เช่าที่ดินแก่ธุรกิจบางแห่งซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์หลอกลวง และกล่าวว่า KNA จะยังคงดำเนินการส่งตัวชาวต่างชาติจำนวนมากที่ทำงานในศูนย์หลอกลวงกลับประเทศต่อไป โดยร่วมมือกับรัฐบาลทหาร

เขาระบุว่า ชาวต่างชาติที่ทำงานในศูนย์หลอกลวงจำนวน 7,454 คน จากทั้งหมด 8,575 คน ได้ถูกส่งตัวกลับประเทศผ่านประเทศไทยแล้ว หลังจากการกวาดล้างศูนย์หลอกลวงโดยไทย เมียนมา และจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

พันโท นาย หม่อง ซอ กล่าวว่า ยังมีผู้คนอีกกว่า 10,000 คน ที่ยังไม่ได้ถูกระบุตัวตนในพื้นที่ที่ KNA ควบคุม และกลุ่มจะยังคงทำงานเพื่อกำจัดกิจกรรมการหลอกลวงต่อไป

รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงมีจำนวนมาก ประสบปัญหาความขัดแย้งทางอาวุธอย่างรุนแรงนับตั้งแต่กองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางออง ซาน ซูจี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เคยออกมาตรการคว่ำบาตรต่อผู้นำทางทหารของเมียนมา ซัพพลายเออร์ และธนาคารของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ที่มา: Associated Press (AP)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *