ปั่นป่วนกันไปทุกภูมิภาคตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากมาตรการกำแพงภาษีสินค้าของสหรัฐอเมริกามีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยใช้สูตรคำนวณที่ซับซ้อนจากตัวเลขเกินดุลการค้า

สำหรับประเทศไทยถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 36% ขณะที่จีนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักถูกเก็บสูงถึง 145% หลังถูกปรับเพิ่มหลายระลอก ด้านสหภาพยุโรปก็ถูกปฏิเสธข้อเสนอการค้าเสรี

นักวิเคราะห์มองว่าเป็นกลยุทธ์ของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อสร้างแรงกดดันในการเจรจา โดยมีทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจเตรียมแผนปรับภาษีเพิ่มทีละ 2% ในระยะยาว เพื่อผลักดันนโยบาย “America First”

ผลกระทบที่ตามมาคือราคาสินค้านำเข้าในสหรัฐฯ จะปรับตัวสูงขึ้น โดยผู้บริโภคชาวอเมริกันจะเป็นผู้รับภาระหลัก ขณะที่ประเทศคู่ค้าต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลงและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น