การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เริ่มมีความคืบหน้า ส่งสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจโลก แต่กลับกลายเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันราคาทองคำให้ลดความร้อนแรงลงชั่วคราว ผู้เชี่ยวชาญจากฮั่วเซ่งเฮงแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมองว่าช่วงที่ราคาปรับฐานนี้อาจเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยเข้าซื้อสะสมทองคำ

ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการลดภาษีศุลกากรลงฝ่ายละ 115% เป็นระยะเวลา 90 วัน ส่งผลให้ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในฝั่งสหรัฐฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากเดิม 145% เหลือเพียง 30% ขณะที่จีนก็ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงจาก 125% เหลือ 10% นอกจากนี้ยังมีสัญญาณเชิงบวกเพิ่มเติมจากท่าทีของจีนที่เตรียมกลับมารับมอบเครื่องบิน Boeing 737 MAX ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกระงับไว้จากข้อพิพาทด้านภาษี

แม้ข้อตกลงนี้จะดูเป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังต้องรอการเจรจาระดับผู้นำระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งทั่วโลกคาดหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายสงครามการค้าครั้งใหญ่ และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม ฮั่วเซ่งเฮงประเมินว่า สถานการณ์นี้ยังไม่ใช่สิ่งที่ควรไว้วางใจ sepenuhnya เพราะยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งในการเจรจาขั้นต่อไปกับจีน และการเจรจากับประเทศคู่ค้ารายอื่นอีก 9 ประเทศ ซึ่งมีภาษีนำเข้าในระดับสูงถึง 46% และเพิ่งบรรลุข้อตกลงลดภาษีกับสหราชอาณาจักรไปเป็นประเทศแรก

ทองคำคลายความร้อนแรง สู่กรอบใหม่

ในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง โดยมีปัจจัยหลักมาจากความกังวลต่อสงครามการค้าโลก ที่กระตุ้นให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์สงครามการค้าเริ่มผ่อนคลายลง ความร้อนแรงของราคาทองคำก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามไปด้วย

ดัชนี Fear & Greed Index ซึ่งสะท้อนความรู้สึกของนักลงทุน ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จากที่เคยอยู่ในโหมด Extreme Fear เมื่อเดือนก่อน สะท้อนความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้เงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ เงินเยน เงินสวิสฟรังก์ ล่าสุดดัชนีนี้พุ่งขึ้นสู่ 66 จุด อยู่ในโหมด Greed บ่งชี้ว่านักลงทุนเริ่มหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และลดการลงทุนในทองคำ

ฮั่วเซ่งเฮงคาดการณ์ว่า ในระยะสั้น ราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวลงได้อีก และอาจลงมาทดสอบแนวรับสำคัญในช่วง 2,950 – 3,050 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ แต่ในระยะยาว ฮั่วเซ่งเฮงยังมองปัจจัยบวกที่รอสนับสนุนราคาทองคำไว้หลายประการ ได้แก่:

• การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
• แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
• ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลก
• แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในช่วงที่เหลือของปีนี้

ดังนั้น ฮั่วเซ่งเฮงจึงให้มุมมองว่า หากราคาทองคำมีการปรับฐานลงมาทดสอบบริเวณแนวรับที่คาดการณ์ไว้ จะถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทยอยเข้าซื้อสะสมทองคำ เพื่อรอรับปัจจัยบวกในระยะยาว