เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ – บีบีซี และรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ว่า สหรัฐอเมริกาและจีนได้บรรลุข้อตกลงสำคัญเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรระหว่างกัน นับเป็นความคืบหน้าที่เป็นบวกในการคลายความตึงเครียดทางการค้าที่ยืดเยื้อมานาน

นายสกอต เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา เปิดเผยหลังการหารือที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ทั้งสองประเทศตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ซึ่งกันและกันเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมนี้

นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังรวมถึงการที่ทั้งสองฝ่ายจะลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าลงถึง 115 จุด แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดของรายการสินค้าที่ได้รับผลกระทบ

ตามข้อมูลเบื้องต้น อัตราภาษีปัจจุบันที่สหรัฐฯ เรียกเก็บต่อสินค้านำเข้าจากจีนอยู่ที่ร้อยละ 145 ขณะที่จีนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากสหรัฐฯ ที่ร้อยละ 125

การลดอัตราภาษีลง 115 จุด หมายความว่า อัตราภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากจีนอาจจะลดลงเหลือประมาณร้อยละ 30 (จาก 145% เหลือ 30%) และอัตราภาษีที่จีนเรียกเก็บจากสหรัฐฯ อาจจะลดลงเหลือประมาณร้อยละ 10 (จาก 125% เหลือ 10%) อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้ยังต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่าย

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีน ได้ออกมายืนยันการตกลงครั้งนี้ โดยระบุว่าจะระงับมาตรการตอบโต้ภาษีศุลกากรทั้งหมดที่ได้เริ่มใช้กับสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา

แถลงการณ์ร่วมหลังการเจรจายังระบุด้วยว่า สหรัฐฯ และจีนจะจัดตั้งกลไกเพื่อดำเนินการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป โดยมีนายสกอต เบสเซนต์ เป็นผู้แทนฝ่ายสหรัฐฯ และรองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง (He Lifeng) เป็นผู้แทนฝ่ายจีนในการหารือรอบต่อไป

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจที่เผชิญความท้าทายมาอย่างต่อเนื่อง การบรรลุข้อตกลงระงับภาษีและลดอัตราภาษีจึงถือเป็นสัญญาณบวกที่อาจนำไปสู่การเจรจาเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้าในระยะยาวได้