“ผู้กองธร” เปิดหมดเปลือก! วินาทีสบตา “ทิดแย้ม” กลางภารกิจลับ “วัดไร่ขิง” เผยปมเงินวัด สู่แผน “แบล็คเมล์”
กองปราบฯ คลี่คลายปมร้อน! ร.ต.อ.นิติธร ประชันกาญจนา หรือ ผู้กองธร สังกัดกองปราบปราม เปิดใจเล่าเบื้องหลังภารกิจสุดหิน ในการสืบสวนคดีเงินวัดไร่ขิง ย้อนเล่าวินาทีที่ต้องปลอมตัวและเผชิญหน้ากับ “ทิดแย้ม” ถึงสองครั้ง กว่าจะไขปริศนาความสัมพันธ์และการเงินที่ซับซ้อนได้สำเร็จ
ผู้กองธร กล่าวถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปสืบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิงว่า เป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง ตนต้องสังเกตการณ์ชีวิตประจำวันของทิดแย้ม รวมถึงการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างใกล้ชิด โดยที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวหรือสอบถามใครได้ เพราะเป็นงานลับที่ต้องการการล้วงข้อมูลเชิงลึก ซึ่งถือเป็นภารกิจที่หนักมากสำหรับตำรวจธรรมดาที่จะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้
ผู้กองธรได้ย้อนเล่าถึงสองครั้งที่เขาได้สบตากับทิดแย้ม ครั้งแรก ตนไม่ได้เข้าไปทักทายหรือยกมือไหว้ แค่เดินผ่าน แต่ทิดแย้มกลับมองมาด้วยหางตา แสดงความระแวง ซึ่งเป็นท่าทีที่ไม่ปกติสำหรับพระผู้ใหญ่ ทำให้เขารู้สึกว่าต้องมีบางอย่างที่ทิดแย้มกำลังปกปิดหรือระแวงอยู่ ณ เวลานั้น ผู้กองธรยังไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และไม่ได้เข้าใกล้ทิดแย้มอีกหลังจากครั้งนั้น การสบตาครั้งแรกนี้เป็นเพียงการหยั่งเชิง เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ซึ่งผู้กองธรเผยว่า ตอนนั้นรู้สึกสงสารทิดแย้ม เหมือนเขารู้ล่วงหน้าว่ากำลังจะถึงจุดจบของเกมแล้ว
สำหรับการพบกันครั้งที่สองนั้น ผู้กองธรได้ทำการสะกดรอยตามทิดแย้ม จนไปเจอกันที่จังหวัดลพบุรี ในครั้งนี้ผู้กองธรได้ปลอมตัวเป็นชาวไร่ ซึ่งทิดแย้มไม่ได้จำได้เลย แม้จะเดินสวนกันหรือเจอกันที่ห้องน้ำ ผู้กองธรสังเกตว่าทิดแย้มใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา ซึ่งตอกย้ำว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาวะระแวง
ผู้กองธร ชี้ว่า ส่วนที่ยากที่สุดของภารกิจนี้คือ การค้นหาความเชื่อมโยงของความสัมพันธ์ระหว่างทิดแย้มกับนางอรัญญาวรรณว่ามีความสัมพันธ์ในลักษณะใด รวมถึงการแกะรอยเส้นทางการเงินที่ถูกโอนออกจากบัญชีวัด ไปเข้าบัญชีของทิดแย้ม และวิ่งต่อไปยังบัญชีของนางอรัญญาวรรณ ซึ่งโจทย์นี้เป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่เขาได้รับคำสั่งให้มาหาข้อเท็จจริง
การสืบหาความสัมพันธ์นี้ใช้เวลานานถึง 5-6 เดือน ทีแรกเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจเป็นเรื่องชู้สาว แต่เมื่อสืบไปกลับพบว่านางอรัญญาวรรณมีคนรักอยู่แล้ว ทำให้แนวทางสืบสวนเปลี่ยนไป คาดว่าความสัมพันธ์ในอดีตอาจเคยมีเรื่องชู้สาว แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว ตลอด 8 เดือนที่ผู้กองธรสืบสวน ไม่พบเรื่องชู้สาวในปัจจุบันนี้ แต่สันนิษฐานว่านางอรัญญาวรรณน่าจะถือความลับบางอย่างที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ พร้อมที่จะเปิดเผย ทำให้ทิดแย้มเกิดความกลัวว่าความลับจะถูกแฉ จึงต้องยอมโอนเงินให้นางอรัญญาวรรณ แม้ไม่มีเงินก็ต้องไปยืมมา เพราะเกรงว่าจะถูกเปิดโปง
ทีแรก เจ้าหน้าที่ยังสงสัยว่าทิดแย้มอาจจะนำเงินไปเล่นการพนันเสียเอง แต่สุดท้ายกลับพบว่าไม่ใช่ ปริศนาทั้งหมดคลี่คลายเมื่อพบว่านางอรัญญาวรรณเป็นฝ่ายที่โทรศัพท์มาข่มขู่ให้โอนเงิน ไม่อย่างนั้นจะไม่คุยด้วย หลังการจับกุม ทั้งสองฝ่ายให้การสอดคล้องกันว่า การโอนเงินจำนวนมากนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ฝ่ายหญิงนำไปใช้เล่นการพนัน
ผู้กองธร กล่าวทิ้งท้ายด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นตำรวจอาชีพ เขาทำงานด้วยจิตวิญญาณ แม้จะมีความเหน็ดเหนื่อยบ้าง แต่ก็สนุกกับการทำงาน ยิ่งมีทีมงานที่ดีและเชี่ยวชาญในการสืบค้นข้อมูล ทำให้การทำงานราบรื่น ข้อมูลที่ได้มามากมายถูกส่งให้ทีมวิเคราะห์ ช่วยกันต่อจิ๊กซอว์จนภาพทั้งหมดสมบูรณ์ เมื่อสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ความเหนื่อยทั้งหมดก็หายไป
ผู้กองธรยังยืนยันว่า งานสืบสวนปลอมตัวในอนาคต ตนเองไม่รู้สึกกังวล เพราะเขาพบผู้ต้องหาจริง ๆ เพียงช่วงเวลาที่แสดงหมายจับเท่านั้น ไม่ได้เผชิญหน้ากันในช่วงอื่น และมีการพรางตัวอย่างมิดชิด ทั้งวิกผมและหนวด ทำให้มั่นใจว่าจะยังคงทำงานในลักษณะนี้ต่อไปได้โดยไม่มีปัญหา