จากยี่สารสู่สวีเดนและกลับคืนถิ่น: เปิดชีวิต ‘กิ๊บ’ อดีตเด็กทุ่งแสงตะวันกับผ้าย้อมสีธรรมชาติโกอินเตอร์

ในช่วงนี้ หากติดตามรายการสารคดีคุณภาพ “ทุ่งแสงตะวัน” จะพบกับการนำเสนอเนื้อหาที่แตกต่างไปจากเดิม โดยพี่นก นิรมล เมธีสุวกุล และทีมงาน ได้ออกเดินทางไปเยี่ยมเยียน “เด็กเมื่อวันวาน” ซึ่งปัจจุบันเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของเด็กไทยในอดีตที่เติบโตใกล้ชิดธรรมชาติ ว่าสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ยังคงมีอิทธิพลต่อชีวิตในปัจจุบันอย่างไรบ้าง

ซีรีส์ “ยี่สารที่คิดถึง” เป็นหนึ่งในเนื้อหาที่น่าสนใจ ซึ่งจะออกอากาศต่อเนื่องตลอดเดือนพฤษภาคม 2568 เพื่อพาผู้ชมไปทำความรู้จักกับชุมชนยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อย่างลึกซึ้ง ชุมชนแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่เด็กและเยาวชนจำนวนมากยังคงเลือกที่จะใช้ชีวิตและทำงานในถิ่นฐานบ้านเกิด สารคดีชุดนี้จึงเปรียบเสมือนบันทึกประวัติศาสตร์ไทยผ่านมุมมองของเด็กเมื่อวานที่กลายเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ ครอบคลุมหลากหลายแง่มุม ทั้งเรื่องชีวิต การงานอาชีพ วิถีชุมชน ความเปลี่ยนแปลง และบางสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปไม่ว่าจะผ่านยุคสมัยยาวนานเพียงใด

หนึ่งใน “เด็กทุ่งแสงตะวันเมื่อวันวาน” ที่ถูกหยิบยกมานำเสนอคือ “กิ๊บ ราตรี ชลภูมิ” เธอเคยปรากฏตัวในรายการเมื่อปี 2541 ในตอน “ธรรมชาติอวยพร” ซึ่งออกอากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยเธอได้ช่วยคัดเลือกการ์ดหรือ ส.ค.ส. ที่ผู้ชมทางบ้านประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ เกือบสามสิบปีผ่านไป คุณกิ๊บได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกและเบิกบานในโลกกว้าง

ปัจจุบัน คุณกิ๊บใช้ชีวิตแบบ “ไกลเหมือนใกล้” ระหว่างบ้านเกิดที่ยี่สารกับสวีเดน โดยเธอบินไปมาระหว่างสองประเทศนี้ตลอดเวลา ใช้ชีวิตที่สวีเดนประมาณ 5-6 เดือนเพื่อประกอบอาชีพและอยู่กับครอบครัว ก่อนจะรู้สึกว่า “ต้องกลับแล้ว อยากกลับบ้าน” การเดินทางไปมาระหว่างบ้านกับสวีเดนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ทุกครั้งที่คุณกิ๊บเดินทางจากสวีเดนกลับยี่สาร มักจะมีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้น เช่น การรวมกลุ่มคนรุ่นใหม่ในชุมชนเพื่อก่อตั้งกลุ่ม “Momm” ทำผ้าย้อมสีธรรมชาติ โดยมีพี่เอ เวทิศา หาญณรงค์ เป็นประธานกลุ่ม ทั้งสองได้ต่อยอดภูมิปัญญาผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติในท้องถิ่นที่มีมานานกว่าสิบปี โดยกลุ่มแม่ๆ ป้าๆ ในชุมชนยังคงดำเนินงานอยู่ แต่คุณกิ๊บและพี่เอได้สร้างสรรค์และประยุกต์เทคนิคใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น เทคนิคการปั๊มเทียนด้วยบล็อกไม้ การย้อมสีจากไม้ตะบูนในป่าชายเลน เพื่อให้ผลงานมีความร่วมสมัยและดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ขณะที่ยังคงรักษาความเชื่อมโยงกับทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน

บ้านยี่สารแวดล้อมไปด้วยป่าชายเลน ต้นโกงกาง ต้นตะบูน และพืชพรรณต่างๆ วิถีชีวิตของคนที่อยู่ริมน้ำริมป่าชายเลนยังคงมีให้เห็น ชาวยี่สารในอดีตใช้เปลือกไม้ตะบูนต้มเคี่ยวจนได้น้ำสีเข้มมาย้อมแห ย้อมอวน หรือย้อมเสื้อผ้าที่ใส่ทำงาน ทำให้เส้นใยเหนียวและทนทานขึ้น ปัจจุบันภูมิปัญญานี้ถูกนำมาพัฒนา โดยผสมผสานเทคนิคดั้งเดิมกับการมัดย้อม การพิมพ์ขี้ผึ้ง และการทดลองใช้สารช่วยย้อม (Fixatives) เช่น น้ำสนิมเหล็ก น้ำปูนใส น้ำสารส้ม ซึ่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะระยะหลังนี้ ได้สร้างสรรค์ผลงานที่น่าสนใจหลากหลายขึ้นมาก

ผ้าย้อมสีจากป่าชายเลนของกลุ่ม Momm ไม่เพียงแต่ออกงาน ออกบูธในประเทศเท่านั้น แต่ยัง “โกอินเตอร์” ด้วย โดยคุณกิ๊บได้นำผ้าเหล่านี้ไปใช้และทำตลาดที่สวีเดน ส่วนใหญ่นำไปทำเป็นผ้าปูเตียงนวดในร้านนวดไทยของเธอ เนื่องจากสีที่ได้จากการย้อมเย็นเข้ากันได้ดีกับน้ำมันนวดต่างๆ นอกจากนี้ ชาวสวีเดนยังให้ความสำคัญกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly) และหลีกเลี่ยงสารเคมี การใช้วัสดุและกระบวนการธรรมชาติจึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวยุโรปเป็นอย่างดี

เมื่อถูกถามถึงชีวิตที่สวีเดน คุณกิ๊บเล่าว่าเธอสนุกกับการใช้ชีวิตที่นั่นไม่ต่างจากที่ไทย เพราะยังมีกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ เช่น การเก็บเห็ดตามฤดูกาล หรือการตกปลาในทะเลสาบที่มีการจัดการอย่างสมดุล เธอนำปลาที่จับได้ไปทำปลาเค็มขาย ซึ่งสร้างความสนุกและรู้สึกเหมือนได้ใช้ชีวิตแบบเด็กยี่สารอีกครั้ง เมื่อถึงช่วงที่ไม่มีฤดูกาลหาเห็ดหาปลาในสวีเดน เธอก็จะคิดถึงเมืองไทยและบินกลับมาเยี่ยมแม่ กลับบ้าน ไปเที่ยวที่อยากไป หรือมาช่วยทำผ้าย้อมสีธรรมชาติ เพราะรู้สึกว่าบ้านเรามีทุกอย่าง ไม่ได้ห่างไกลความเจริญแต่ก็ยังคงอยู่กับธรรมชาติ ตื่นเช้ามาเจอเรือ เจอวัด เจอเพื่อน และรู้สึกผูกพันกับชุมชน

สำหรับแผนชีวิตในอนาคต คุณกิ๊บเปิดเผยว่า หากทุ่งแสงตะวันมาเยี่ยมเธออีกครั้งในอีกห้าปีข้างหน้า เธออยากจะชวนสามีมาใช้ชีวิตที่ยี่สารอย่างถาวร แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาจะมาด้วยหรือไม่ แต่ความตั้งใจของเธอคือการกลับมาอยู่บ้านเกิด

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ในรายการทุ่งแสงตะวัน ตอน “ไกลเหมือนใกล้” วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.05 น. ทางช่อง 3 กด 33 หรือรับชมทางออนไลน์ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก ทุ่งแสงตะวัน และ YouTube Payai TV เวลา 07.30 น.
เรื่องและภาพ: อาทร ริมทาง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *