มอสโก/เคียฟ – วันที่ 26 เม.ย. บีบีซี รายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวสำคัญเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (และผู้แทนพิเศษ) ออกมาเปิดเผยว่า รัสเซียและยูเครน “ใกล้บรรลุข้อตกลง” ยุติความขัดแย้งแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงหลังการพบปะหารือระหว่าง นายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของนายทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่กรุงมอสโก

นายทรัมป์กล่าวว่า วันดังกล่าวเป็นวันที่ดีสำหรับการเจรจา พร้อมระบุผ่านบัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนตัวว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงในประเด็นสำคัญส่วนใหญ่แล้ว และเรียกร้องให้รัสเซียกับยูเครนยกระดับการเจรจาในระดับสูงเพื่อให้บรรลุข้อตกลง นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางถึงกรุงโรมเพื่อร่วมพิธีพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยกล่าวว่า เขาจะสนับสนุนให้รัสเซียครอบครองไครเมีย ซึ่งเป็นดินแดนที่ถูกรัสเซียผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งอย่างผิดกฎหมายในปี 2557 ภายใต้ข้อเสนอสันติภาพของสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่ายูเครนจะต้องยอมสละพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ถูกรัสเซียผนวกไป

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แถลงผ่านวิดีโอเมื่อช่วงดึกวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. ว่าจำเป็นต้องมีการกดดันรัสเซียอย่างแท้จริงเพื่อให้ยอมรับการหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ก่อนหน้านี้ นายเซเลนสกีกล่าวว่า เรื่องดินแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซียสามารถหารือกันได้ หากมีการตกลงหยุดยิงแบบเต็มรูปแบบและไม่มีเงื่อนไข แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่แตกต่างกันระหว่างสองฝ่าย

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในกรุงมอสโกเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อเจ้าหน้าที่รัสเซียยืนยันการเสียชีวิตของ พล.อ.ยาโรสลาฟ มอสคาลิก จากเหตุรถยนต์ระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเดียวกับการพบกันระหว่างผู้แทนทรัมป์กับปูติน

คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย (เอสเค) เปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้นว่า พบระเบิดแสวงเครื่องติดตั้งอยู่ในรถยนต์โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ ซึ่งจอดอยู่ข้างบ้านของ พล.อ.มอสคาลิก ในเขตชานเมืองทางตะวันออกของเมืองบาลาชิคา และระเบิดขึ้นขณะที่ พล.อ.มอสคาลิก เดินผ่าน นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย รีบออกมากล่าวหายูเครนว่าเป็นผู้บงการเหตุการณ์นี้ทันที แต่ทางรัฐบาลยูเครนยังคงสงวนท่าทีและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อเหตุดังกล่าว

รายงานระบุว่า พล.อ.มอสคาลิก มีบทบาทสำคัญในอดีต โดยเคยเป็นตัวแทนเสนาธิการทหารรัสเซียในการเจรจากับยูเครนที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2558 การเจรจาดังกล่าวได้นำไปสู่ข้อตกลงกรุงมินสก์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามระหว่างยูเครนกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุน ซึ่งปะทุขึ้นครั้งแรกในปี 2557

ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่ยังคงมีอยู่ และแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ ทั้งการพยายามผลักดันสันติภาพจากภายนอก จุดยืนที่แตกต่างกันของคู่ขัดแย้ง และเหตุการณ์ไม่สงบภายในประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อการเจรจา