ฉะเชิงเทรา – เกิดเหตุการณ์สุดระทึกบนถนนสายฉะเชิงเทรา-สุวินทวงศ์ รถเทรลเลอร์บรรทุกปูนเสียหลักพุ่งชนแบริเออร์ข้างทางอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ที่โดยสารมาในรถ ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน 4 ชีวิต พ่อ แม่ และลูกเล็กอีก 2 คน กระเด็นทะลุกระจกออกมานอกรถได้รับบาดเจ็บสาหัสยกครัว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ท่ามกลางสภาพถนนที่เปียกลื่นจากฝนที่ตกลงมา

จุดเกิดเหตุอยู่บนถนนสายฉะเชิงเทรา-สุวินทวงศ์ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 64+100 ในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลวังตะเคียน อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลพุทธโสธร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ได้เร่งรัดเข้าตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่ามีพลเมืองดีที่ขับรถผ่านมาจอดช่วยกันโบกรถ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เนื่องจากรถเทรลเลอร์คันที่เกิดเหตุเสียหลักขวางถนนถึง 3 ช่องทางการจราจร และสภาพพื้นผิวถนนยังคงเปียกลื่นจากฝนที่เพิ่งหยุดตก

จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบผู้บาดเจ็บทั้งหมด 4 ราย ซึ่งยืนยันว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ประกอบด้วย นายสุรเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถเทรลเลอร์ มีอาการสาหัสหมดสติ รายต่อมาคือ น.ส.ภักรสุดา อายุ 35 ปี ภรรยา มีบาดแผลบริเวณศีรษะ นอกจากนี้ยังมีเด็กชายวัย 6 ขวบ ซึ่งมีบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณศีรษะ และมีอาการชักเกร็งไม่ได้สติ และเด็กชายวัยเพียง 1 ปี 1 เดือน สภาพศีรษะบวมโน และมีรอยบวมที่ดวงตาข้างซ้าย เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บทั้ง 4 คนอย่างเร่งด่วน ก่อนรีบนำตัวส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธโสธรอย่างเร่งด่วน เนื่องจากทุกคนมีอาการสาหัส

น.ส.ภักรสุดา หนึ่งในผู้บาดเจ็บ ซึ่งพอให้การได้ เล่าถึงเหตุการณ์ระทึกว่า ตนเอง สามี และลูกทั้งสองคน กำลังเดินทางออกมาจากอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เพื่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งใกล้กับสามแยกสตาร์ไลท์ สามีได้ชะลอความเร็วของรถลง เพื่อเตรียมที่จะเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางเลี่ยงเมืองบางขวัญ แต่จู่ๆ ส่วนท้ายของรถเทรลเลอร์เกิดการปัดอย่างรุนแรง ทำให้รถเสียการควบคุม หมุนคว้างไปชนเข้ากับขอบทางด้านขวาอย่างแรง จนทุกคนที่อยู่ในรถกระเด็นทะลุกระจกออกมาตกลงบนพื้นถนน ส่วนตัวรถเทรลเลอร์ได้เสียหลักหมุนกลับไปขวางถนนในเลนขาเข้า

สอดคล้องกับคำบอกเล่าของชาวบ้านที่ขับรถตามหลังมา ต่างเห็นเหตุการณ์รถเทรลเลอร์หมุนและพุ่งชนขอบทางอย่างจัง ก่อนที่คนในรถจะกระเด็นออกมา พวกเขาจึงรีบจอดรถลงมาให้การช่วยเหลือในทันที ชาวบ้านยังบอกด้วยว่า บริเวณจุดที่เกิดเหตุนี้ มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตก เนื่องจากพื้นผิวถนนจะเปียกลื่นเป็นพิเศษ ทำให้รถที่ใช้ความเร็วหรือชะลออย่างกะทันหันมีโอกาสเสียหลักได้ง่าย และเคยมีเหตุการณ์รถพุ่งชนขอบทางลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว

เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อขับขี่ในช่วงที่ฝนตก หรือบนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่อย่างรถเทรลเลอร์ ซึ่งมีความเสี่ยงในการเสียหลักสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป