จากวิกฤตสร้างถนน สู่ โฮมคาเฟ่หัวใจอบอุ่น! เรื่องราว ‘เท้าปุย’ ร้านเล็ก ๆ ที่รายได้ช่วย ‘หมาจรแมวจร’
ท่ามกลางการแข่งขันสูงในวงการร้านกาแฟและเบเกอรี่ เรื่องราวของ ‘เท้าปุย’ ถือเป็นความน่ารักและเป็นแรงบันดาลใจที่ไม่เหมือนใคร
จุดเริ่มต้นของ ‘เท้าปุย’ ไม่ได้มาจากความตั้งใจจะเป็นร้านกาแฟใหญ่อลังการ แต่มาจากร้านโฮมเมดเล็ก ๆ ที่เน้นทำคุกกี้และเบเกอรี่ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับขยายสู่การเปิดคาเฟ่บนถนนย่านสายไหม ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะคนรักสุนัขและแมวที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาใช้บริการได้ในบรรยากาศสบาย ๆ
แต่แล้ว ‘เท้าปุย’ ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อถนนย่านนั้นมีการก่อสร้างและปิดทางเข้าออก ทำให้คาเฟ่ที่เคยมีชีวิตชีวาต้องปิดตัวลงอย่างกะทันหัน เจ้าของร้านตัดสินใจย้ายกลับมาสู่รูปแบบ ‘โฮมคาเฟ่’ เล็ก ๆ ในหมู่บ้านที่เงียบสงบ ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเป็นการเสิร์ฟแบบ Take Away เท่านั้น ไม่มีที่นั่งเหมือนเดิม
แม้จะไม่มีหน้าร้านให้ลูกค้านั่งชิลล์ได้ แต่ด้วยรสชาติและเอกลักษณ์ของเมนูที่สร้างชื่อมาตั้งแต่ต้น เช่น กาแฟเบบี๋นมหมีหอม ๆ, หมาจร, แมวจร และหางหนาม ทำให้ลูกค้าประจำจากโลเคชั่นเดิมยังคงเดินทางมาอุดหนุนหน้าร้านอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกในหมู่บ้าน เริ่มจากการลองชิมจนกลายเป็นลูกค้าประจำที่สั่งเกือบทุกวัน เพราะทางร้านมีบริการส่งถึงบ้านภายในหมู่บ้านอีกด้วย
เมนูของ ‘เท้าปุย’ ไม่ได้มีดีแค่เมนูชื่อน่ารัก แต่ยังโดดเด่นในเรื่องรสชาติและคุณภาพ โดยเฉพาะเมนูยอดนิยมบนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Grab และ Lineman เช่น อเมริกาโน่น้ำส้ม, อเมริกาโน่มะพร้าว ซึ่งทางร้านเน้นใช้น้ำผลไม้สด ไม่เติมไซรัป ทำให้ได้ความหวานจากธรรมชาติแท้ ๆ นอกจากนี้ ยังมีกาแฟให้เลือกหลากหลายเมล็ด ตั้งแต่คั่วอ่อนไปจนถึงคั่วกลางค่อนเข้ม และคั่วเข้มดุดันสำหรับคอกาแฟตัวจริง
หากใครรู้สึกหิว ‘เท้าปุย’ ก็พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารง่าย ๆ แต่อร่อยและทำสดใหม่ทุกวัน เช่น ผัดมาม่าไข่หมูสับเครื่องต้มยำ, ข้าวกะเพราหมูสับ, ข้าวต้ม และที่น่าสนใจคือ มีเมนูมังสวิรัติพร้อมให้บริการตลอด ไม่ได้มีแค่ช่วงเทศกาลทานเจเท่านั้น
แต่สิ่งที่ถือเป็น ‘ซิกเนเจอร์’ ของร้านที่ขาดไม่ได้เลยคือ ‘คุกกี้น้องหมีโฮมเมด’ ซึ่งเป็นเมนูตัวตึงที่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ด้วยความพิเศษที่เจ้าของร้านวาดหน้าตาของน้องหมีทุกตัวด้วยตัวเอง ทำให้แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แถมยังมีการตกแต่งหน้าน้องหมีให้เข้ากับเทศกาลต่าง ๆ อีกด้วย ด้วยงานที่ละเอียดและขั้นตอนการอบที่พิถีพิถัน ทำให้ผลิตได้ตามออเดอร์ที่สั่งจองเท่านั้น เช่นเดียวกับเค้กในร้านที่ต้องเปิดรับเป็นออเดอร์บายออเดอร์สำหรับการสั่งทำพิเศษในวันสำคัญต่าง ๆ
เบื้องหลังเมนูอร่อย ๆ ทั้งหมดนี้ มีแรงบันดาลใจที่อบอุ่น นั่นคือ ความตั้งใจที่จะหาเงินเลี้ยง ‘เจ้านาย’ 4 ตัวในบ้าน ได้แก่ น้องหมาบางแก้ว (ฮวาฮวา), น้องหมาไซบีเรียน (หนานหนาน), อดีตแมวจรสีส้ม (นาม่อน) และอดีตแมวจรผสมสลิด (นาจา) เมนูหลักหลายเมนูจึงตั้งชื่อตามเจ้านายเหล่านี้ โดยมี ‘ทาส’ อย่างเจ้าของร้านที่คอยชงกาแฟ ทำอาหาร ทำขนม เพื่อปรนเปรอเจ้านาย
และที่น่ายกย่องยิ่งกว่านั้นคือ นอกจากจะเลี้ยงดูเจ้านายตัวเองแล้ว ทางร้าน ‘เท้าปุย’ ยังแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายเพื่อนำไปทำบุญช่วยเหลือวัดและบ้านพักพิงที่รับเลี้ยงสุนัขจรจัดและแมวจรจัด ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่สำคัญที่ทำให้ร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปได้ในทุกวันนี้
สำหรับใครที่อยากลิ้มลองรสชาติอร่อย ๆ จากร้านที่มีหัวใจอบอุ่นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมนูที่ตั้งชื่อตามเจ้านาย หรือเมนูอื่น ๆ ที่หลากหลาย สามารถสั่งผ่าน Grab และ Lineman ได้เลย ‘เท้าปุย’ เปิดบริการทุกวันถึงเวลา 20.30 น. หรือติดต่อสอบถามผ่าน Line Official: @towpuibaker และติดตามอัปเดตเมนูใหม่ ๆ ได้ที่ Facebook Fanpage: Towpuibaker&Cafe
ขอย้ำอีกครั้งว่า ‘เท้าปุย’ ไม่มีที่นั่ง ร้านเป็นรูปแบบ Take Away เท่านั้น แต่รับรองได้ว่า หากได้ลองแล้ว จะต้อง ‘ติดใจทุกเมนู’ อย่างแน่นอน