กรุงเทพมหานคร – เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ณ ห้องเทเวศร์ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักของวงการเพลงไทย เมื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง และบริษัท เซเว่นสตาร์สตูดิโอ จำกัด จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย โดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” ซีซั่น 2 ประจำปี 2568

ไฮไลท์สำคัญในงานนี้คือการปรากฏตัวของนักร้องเพลงแหล่ชื่อดังระดับตำนาน ทศพล หิมพานต์ ที่ควงแขนลูกสาวคนเก่ง น้องผักบุ้ง หิมพานติ์ มาร่วมงานและเปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษถึงเส้นทางเพลงแหล่ของน้องผักบุ้งที่กำลังเติบโตอย่างงดงาม และได้รับความสนใจจากแฟนเพลงเป็นจำนวนมาก

ทศพล หิมพานต์ เผยว่าช่วงนี้มีงานที่ต้องไปร่วมกับลูกสาวบ่อยครั้ง โดยเฉพาะงานทำขวัญนาคและงานร้องเพลงต่างๆ แฟนเพลงส่วนใหญ่ที่ติดต่อจ้างงานมักจะเอ่ยปากขอให้น้องผักบุ้งไปร่วมงานด้วยเสมอ แม้กระทั่งบางงานที่ทศพล หิมพานต์ อาจไม่ว่าง ก็ยังได้รับการร้องขอให้น้องผักบุ้งไปแสดงแทน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมและความเมตตาที่แฟนคลับมีต่อน้องผักบุ้งอย่างท่วมท้น

“น้องมีพรสวรรค์ชัดเจนมากครับ เสียอย่างเดียวคือน้องไม่ค่อยช่างพูดเท่าไหร่ แต่ถ้าให้ร้องเพลงนี่ร้องได้ทั้งวันเลย” ทศพลกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เห็นแววน้องตั้งแต่ 3-4 ขวบ ก็เริ่มสอนเพลงแหล่ให้ เขาจำง่ายมาก โดยเฉพาะเรื่องเสียงนาสิก ลูกเอื้อน ทำตามที่สอนได้ดีเลย”

นอกจากงานแสดง น้องผักบุ้งยังมีการไลฟ์สดผ่านโซเชียลมีเดียตามคำเรียกร้องของแฟนคลับที่อยากให้ไลฟ์เพื่อรับชมและมอบของขวัญให้ ซึ่งกลายเป็นอีกช่องทางที่ทำให้น้องผักบุ้งใกล้ชิดกับแฟนๆ มากยิ่งขึ้น

เมื่อถามถึงการแบ่งเวลาระหว่างเรียนและงานร้องเพลง ทศพลอธิบายว่าในช่วงปิดเทอมอย่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงที่มีงานบวชและงานอื่นๆ เยอะ น้องผักบุ้งจะสามารถรับงานได้เต็มที่ แต่เมื่อเปิดเทอมแล้ว ก็จะรับงานเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ หรือเป็นงานในช่วงกลางคืน เพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียน

สิ่งที่หลายคนประทับใจคือน้ำเสียงใสๆ กับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของน้องผักบุ้ง เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่อยากทำด้วยเงินที่หามาได้ น้องผักบุ้งตอบอย่างน่ารักแต่หนักแน่นว่า “อยากเก็บเงินไปสร้างบ้านให้ยายทวดที่ต่างจังหวัดค่ะ” เป็นเป้าหมายที่แสดงให้เห็นถึงความรักและความกตัญญู

สำหรับอนาคตการเป็นศิลปินเต็มตัวของน้องผักบุ้ง ทศพลเผยว่าขึ้นอยู่กับความชอบของลูกสาวในอนาคต แม้ตอนนี้จะยังรักและสนุกกับการร้องเพลง แต่หากโตขึ้นแล้วความสนใจเปลี่ยนไป ก็เคารพในการตัดสินใจของน้อง แต่ในฐานะพ่อก็อยากถ่ายทอดวิชาเพลงแหล่ให้ลูกสาวอย่างเต็มที่

น้องผักบุ้งกล่าวขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ให้ความรักและกำลังใจอย่างท่วมท้น พร้อมให้คำมั่นว่าจะตั้งใจร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้แฟนๆ ภูมิใจ

ประเด็นที่หลายคนอาจสงสัยคือนามสกุลของพ่อและลูกที่สะกดต่างกัน โดยของทศพลคือ “หิมพานต์” ในขณะที่ของน้องผักบุ้งคือ “หิมพานติ์” ทศพล หิมพานต์ ได้เฉลยเรื่องนี้ว่ามาจากความเชื่อเรื่องตัวเลขและตัวอักษรของนายห้างผู้ดูแลเรื่องเพลงให้น้องผักบุ้ง ซึ่งต้องการให้ชื่อของน้องลงท้ายด้วยคำที่เป็นมงคล ดวงดี ดัง เด่น และเพื่อให้ครบตามสูตรที่ต้องการ จึงมีการเพิ่มสระอิที่ตัว ต เต่า ในนามสกุลของน้องผักบุ้ง เพื่อให้เป็นคำมงคลตามความเชื่อดังกล่าว จึงเป็นที่มาของนามสกุลที่ต่างกันเล็กน้อยนั่นเอง

นับเป็นเรื่องราวความผูกพันในครอบครัวศิลปินเพลงแหล่ที่น่าติดตาม พร้อมด้วยพรสวรรค์และหัวใจที่มุ่งมั่นของน้องผักบุ้ง ที่แสดงให้เห็นว่าเพลงไทยยังคงได้รับการสืบสานผ่านเยาวชนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ