กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 6 (115/2568) เตือนประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนและภาคใต้ เตรียมรับมือพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ระบุหลายพื้นที่จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า ขณะที่ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่ง เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบนและฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ ฉบับที่ 6 (115/2568) ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.00 น. ระบุถึงสถานการณ์สภาพอากาศที่น่าเป็นห่วงในหลายพื้นที่ของประเทศ

สาเหตุเกิดจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ซึ่งขณะนี้มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด การปะทะกันของมวลอากาศเย็นและความชื้นกับอากาศร้อนนี้ จะทำให้เกิดพายุฤดูร้อนขึ้น

พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนและฝนตกหนัก มีดังนี้:

วันที่ 10 พฤษภาคม 2568

• ภาคเหนือ: พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, สกลนคร, นครพนม, ชัยภูมิ, กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, มุกดาหาร, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี
• ภาคกลาง: นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
• ภาคตะวันออก: นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด

วันที่ 11 พฤษภาคม 2568

• ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, ตาก
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย, หนองบัวลำภู, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี
• ภาคกลาง: นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, นครปฐม, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
• ภาคตะวันออก: นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด
• ภาคใต้: เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์

วันที่ 12 พฤษภาคม 2568

• ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, อุตรดิตถ์, ตาก, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์
• ภาคกลาง: นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, นครปฐม, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
• ภาคตะวันออก: นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด
• ภาคใต้: เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร

สำหรับภาคใต้ จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่ และตรัง เนื่องจากลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้นด้วย โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

คำแนะนำเพื่อความปลอดภัย:

• ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ควรระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า
• หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง
• สำหรับพื้นที่ที่ฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
• ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก
• เกษตรกรควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง
• ดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
• ชาวเรือในทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุนิยมวิทยาเน้นย้ำให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ http://www.tmd.go.th หรือโทรศัพท์สอบถามที่ 0-2399-4012-13 และหมายเลข 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง