คดีมรดกตลาดยิ่งเจริญ: คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ยอมชดใช้ 820 ล้าน ถอนฟ้อง – คดี ณฤมล ไปต่อ

ความคืบหน้าคดีมรดกตลาดยิ่งเจริญ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมายเลขดำ อ.663/2568 ที่นายนพดล ธรรมวัฒนะ ในฐานะผู้จัดการมรดก นางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ และผู้รับมอบอำนาจจาก นางมัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางณฤมล ธรรมวัฒนะ และ น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์มรดก มูลค่ารวมกว่า 1,641 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้ โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 โดยระบุว่า เดิมนายนพดล นางมัลลิการ์ นางณฤมล และ น.ส.คนึงนิตย์ เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันของนางสุวพีร์ ธรรมวัฒนะ แต่ต่อมานางณฤมลได้ขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก โดยทรัพย์มรดกที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้คือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของตลาดยิ่งเจริญตามพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 15 มีนาคม 2531 ซึ่งระบุให้ผู้จัดการมรดกนำไปจัดตั้งเป็นบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด และโอนทรัพย์สินดังกล่าวเข้าเป็นทุนของบริษัท โดยมีทายาทเป็นผู้ถือหุ้นตามส่วน

นายนพดลและนางมัลลิการ์ ในฐานะผู้จัดการมรดก ได้ตรวจสอบพบว่า นางณฤมล (อดีตผู้จัดการมรดก และกรรมการ/ผู้ถือหุ้นบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด) และ น.ส.คนึงนิตย์ (ผู้จัดการมรดก) ได้ร่วมกันยักยอกที่ดินมรดกจำนวน 30 โฉนด ซึ่งเดิมกำหนดให้โอนเข้าเป็นทุนของบริษัทฯ โดยทายาททุกคน รวมถึงนายปริญญา นายวิกรม และนายเอกธนัส (ทายาทนายเทอดชัย ธรรมวัฒนะ) ได้ดำเนินการโอนคืนที่ดินส่วนของตนให้กับบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2546 แล้ว

แต่จำเลยทั้งสองกลับโอนขายที่ดินส่วนของตนให้กับบริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด และนำเงินที่ได้จากการขายนั้นไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งโจทก์มองว่าเป็นการเบียดบังยักยอกทรัพย์มรดกของบริษัทฯ

ในการไต่สวนมูลฟ้องวันนี้ นายนพดล ในฐานะโจทก์และผู้รับมอบอำนาจ พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาศาล ขณะที่ฝ่ายจำเลยมีผู้รับมอบฉันทะจากทนายความของนางณฤมล จำเลยที่ 1 และ น.ส.คนึงนิตย์ จำเลยที่ 2 พร้อมทนายความ เดินทางมาศาลเช่นกัน

ต่อมา ทนายความโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ จำเลยที่ 2 โดยระบุว่า ได้รับการติดต่อจากจำเลยที่ 2 เพื่อขอเจรจายุติคดี จำเลยที่ 2 ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ทำให้กองมรดกเสียหายและทำให้ทายาทคนอื่นเสียเปรียบ จึงยินดีชดใช้ค่าเสียหายส่วนหนึ่งตามคำฟ้อง เป็นเงินจำนวน 820,598,985 บาท ซึ่งโจทก์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความจริง จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2

ศาลได้พิจารณาคำร้องและมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง น.ส.คนึงนิตย์ จำเลยที่ 2 ส่งผลให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 2 ระงับไป จึงให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2

ส่วนการไต่สวนมูลฟ้องในส่วนของนางณฤมล จำเลยที่ 1 นั้น ทนายความโจทก์ได้นำพยานเข้าเบิกความจนเสร็จสิ้นทั้ง 3 ปากแล้ว โดยศาลได้นัดหมายให้ทนายความของนางณฤมลมาทำการซักค้านพยานโจทก์ในนัดถัดไป คือวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น.

ภายหลังการไต่สวน นายนพดล ธรรมวัฒนะ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เดิมทนายความจำเลยขอเลื่อนนัดไต่สวนโดยอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่น แต่ศาลไม่อนุญาตและให้ดำเนินการไต่สวนพยานโจทก์ให้เสร็จสิ้นก่อน และจะให้นัดซักค้านในภายหลัง

นายนพดลยังได้กล่าวยืนยันถึงความคืบหน้าทางคดีในส่วนของ น.ส.คนึงนิตย์ ว่า หลังจากได้รับคำฟ้องแล้ว น.ส.คนึงนิตย์ ได้ทำบันทึกยอมรับสารภาพและยินยอมชดใช้เงินจำนวน 820 ล้านบาท หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของยอดที่ฟ้องร้อง ตนจึงได้ดำเนินการถอนฟ้องให้ น.ส.คนึงนิตย์ ส่วนนางณฤมล จำเลยที่ 1 นั้น ได้แต่งตั้งทนายความเพื่อต่อสู้คดีต่อไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *