ธรรมนัส รับคุย ‘ทักษิณ’ ก่อนดึง อนุดิษฐ์-การุณ ร่วมทัพกล้าธรรม โต้ข่าวแจกกล้วย-ปัดหวังนั่ง มท.1 แทน ‘อนุทิน’
ธรรมนัส รับคุย ‘ทักษิณ’ ก่อนดึง อนุดิษฐ์-การุณ ร่วมทัพกล้าธรรม โต้ข่าวแจกกล้วย-ปัดหวังนั่ง มท.1 แทน ‘อนุทิน’
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ยอมรับได้พูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะเชิญ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายการุณ โหสกุล อดีต สส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมงาน ยืนยันไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคเพื่อไทย โต้ข่าวการแจกกล้วย และปัดข้อครหาที่ว่าดึง สส. เพื่อหวังตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแทน นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว พร้อมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลปัจจุบันจะสามารถอยู่ครบเทอม
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอริน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายการุณ โหสกุล อดีต สส.กทม. ถึงกรณีการดึงอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมงาน ซึ่งอาจทำให้พรรคกล้าธรรมถูกมองว่าเป็นพรรคสาขาของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวชี้แจงว่า การเชิญทั้งสองท่านมาร่วมงานไม่ใช่เพราะเป็นพรรคสาขา แต่เนื่องจากตนเองและ น.อ.อนุดิษฐ์ รวมถึงนายการุณ รู้จักและสนิทสนมกันมาตั้งแต่วัยรุ่น การดึงบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นการเสริมทัพให้กับพรรคกล้าธรรม ซึ่ง น.อ.อนุดิษฐ์ ถือเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่มีความอาวุโสและมีวิสัยทัศน์ที่คล้ายคลึงกับตนเอง พร้อมเปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกับ น.อ.อนุดิษฐ์ มาโดยตลอดว่าให้มาช่วยงานกัน
ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตนเองอิ่มตัวทางการเมือง ก็จะต้องมองหาผู้ที่มีความพร้อมที่จะทำให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมือง ซึ่ง น.อ.อนุดิษฐ์ มีความพร้อมดังกล่าว ทั้งนี้ยังมีบุคคลอื่น ๆ อีกหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้และวุฒิภาวะ กำลังจะทยอยเข้ามาเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนี้ตนเองจะปลีกตัวไปดูแลงานด้านการกีฬามากขึ้น
เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ได้มีการหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะดึง น.อ.อนุดิษฐ์ และนายการุณ มาร่วมงานหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยกับนายทักษิณแล้ว ตนและ น.อ.อนุดิษฐ์ ได้เข้าไปปรึกษาท่าน ซึ่งท่านทั้งสามก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด การแยกกันไปทำงานการเมืองคนละพรรคถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน
เมื่อถามย้ำว่าได้พูดคุยกับนายทักษิณมาโดยตลอดใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า การทำอะไรเกี่ยวกับบุคคลที่มีที่มาที่ไปเช่นนี้ ตนจำเป็นต้องหารือ โดยเมื่อถูกถามว่านายทักษิณได้แนะนำอะไรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่ครับ”
สำหรับความเคลื่อนไหวเรื่อง สส. ที่จะเข้ามาร่วมพรรคเพิ่มเติม ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า จะมีปรากฏให้เห็นเรื่อย ๆ ในแต่ละสัปดาห์ ทั้งบิ๊กเนมและ สส.ปัจจุบัน โดยไม่ใช่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน เพราะคงไม่ดึงมา ส่วน สส.จากพรรคพลังประชารัฐจะมาด้วยหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ก็พี่น้องทั้งนั้น หลายคนเป็น สส. เพราะผมช่วยมา ไม่มีผมก็เหนื่อย”
ร.อ.ธรรมนัส ยังได้โต้ข่าวเรื่องการ “แจกกล้วย” เพื่อดึง สส. เข้าพรรค โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำเช่นนั้น และต้องดูว่าบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานมีอนาคตและอุดมการณ์ทางการเมืองที่สอดคล้องกันหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามว่า ในเมื่อเหลือเวลาของรัฐบาลเพียงปีกว่า ใครจะทำเช่นนั้น ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าพรรคกล้าธรรมใช้พลังดูดนั้น ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และสิ่งที่พรรคทำคือการทำงานเพื่อประชาชน
เมื่อถามถึงข้อกล่าวหาจาก น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ที่ระบุว่าพรรคกล้าธรรมกำลังดูด สส. เพื่อหวังตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า ไม่มี ไม่เคยคิดเรื่องดังกล่าว และพรรคกล้าธรรมไม่มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะไปนั่งตำแหน่ง มท.1 อีกทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในปัจจุบัน ก็ทำงานได้ดีอยู่แล้ว
ในประเด็นที่ว่าหากพรรคมีจำนวน สส. เพิ่มมากขึ้น จะต้องมีการแบ่งโควตารัฐมนตรีใหม่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนมองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว หากรัฐบาลยังสามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหาเหมือนที่เป็นอยู่ก็ถือว่าดีแล้ว พร้อมปฏิเสธว่าพรรคกล้าธรรมไม่ได้มีเป้าหมายที่จะขึ้นมาแทนที่พรรคภูมิใจไทย แต่การมี สส. จำนวนมากขึ้น จะช่วยให้สามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยที่ปรากฏเป็นข่าว ร.อ.ธรรมนัส มองว่าเรื่องการเมืองต้องแก้ไขด้วยการเมือง และเมื่อมีความขัดแย้งแล้วต้องหาทางออกให้ได้ ไม่ควรปล่อยให้บานปลาย โดยเชื่อว่าทุกฝ่ายสามารถพูดคุยกันเพื่อหาทางออกได้
เมื่อถามถึงโอกาสที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะอยู่ครบเทอม ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะนักการเมืองที่ต้องประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถอยู่ครบเทอมได้ โดยท้ายที่สุดแล้วทุกฝ่ายจะต้องมีการเจรจากัน
ส่วนเรื่องอุบัติเหตุทางการเมือง ร.อ.ธรรมนัส มองว่าด้วยอายุรัฐบาลที่เหลือเพียง 1 ปีกว่า การที่พรรคการเมืองต่าง ๆ เริ่มจัดทัพจึงเป็นเรื่องปกติ และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา ทุกพรรคจะมีการพูดคุยกัน และจะไม่มีการปรับ ครม. หรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาลตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งกระแสข่าวเหล่านั้นมักมาจากกลุ่มคนที่ไม่สมหวังและพยายามยุแยงให้เกิดความวุ่นวาย แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อทุกฝ่ายคุยกัน ความพยายามเหล่านั้นก็จะผิดหวังเหมือนเดิม
เมื่อถามถึงสมการการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เสียงข้างมาก ร.อ.ธรรมนัส ขอไม่พูดถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่าทุกพรรคต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง
สำหรับกรณีการตรวจสอบการฮั้ว สว. ที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจเป็นสาเหตุให้รัฐบาลแตกหัก ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งก็ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และควรแยกออกจากประเด็นการเมืองและการบริหารงานของรัฐบาล