เงินเฟ้อไทย เม.ย. 68 ติดลบ 0.22% ครั้งแรกในรอบ 13 เดือน! พาณิชย์เล็งหั่นเป้าทั้งปี 68
กรุงเทพฯ – กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ประจำเดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ 100.14 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนเมษายนปีนี้ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.22% ถือเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 13 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สาเหตุหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนปรับตัวลดลง มาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานอย่างเห็นได้ชัด ทั้งราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน และค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจากแนวโน้มราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง รวมถึงผลจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐในส่วนของราคาพลังงาน นอกจากนี้ ราคาผักสดบางชนิดก็ปรับลดลงด้วยเช่นกัน ในขณะที่สินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มโดยรวมยังมีราคาสูงขึ้นอยู่
นายพูนพงษ์ คาดการณ์ว่า ในเดือนพฤษภาคม 2568 อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ปัจจัยสำคัญยังคงมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลโดยตรงต่อราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศให้ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีแนวโน้มที่จะปรับลดราคาค่ากระแสไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2568 ลงอีก 17 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย
โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวเสริมว่า หากอัตราเงินเฟ้อติดลบเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน กระทรวงพาณิชย์อาจจะพิจารณาปรับลดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสำหรับทั้งปี 2568 ที่เคยตั้งไว้ก่อนหน้านี้ลง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกและมาตรการของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม นายพูนพงษ์ยืนยันว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบในขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใดบ่งชี้ว่าจะนำไปสู่ภาวะเงินฝืดแต่อย่างใด
สำหรับภาพรวมอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-เมษายน) สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.75% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ตัดรายการสินค้าที่มีความผันผวนสูง เช่น อาหารสดและพลังงานออกไป พบว่า เดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ 101.28 สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.98% และเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 4 เดือนแรกของปีนี้ สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.91%
เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมีนาคม 2568 ชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่สูงขึ้น 0.84% ยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยจัดอยู่ในอันดับที่ 24 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข ได้แก่ บรูไน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และ สปป.ลาว สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยยังคงสามารถดูแลระดับราคาสินค้าได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก