รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร กำลังเร่งจัดทำยุทธศาสตร์รับมือมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งประกาศขึ้นสูงถึง 36% สำหรับสินค้าไทย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง โดยอาจสร้างความเสียหายนับแสนล้านบาท

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยให้เหตุผลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ เปิดเผยว่า คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ได้เตรียมแผนรับมือใน 2 ระดับ คือ ระดับยุทธศาสตร์และระดับปฏิบัติการ

“เราไม่รีบร้อนที่จะลดภาษีเหมือนบางประเทศ เพราะนั่นเท่ากับยอมแพ้โดยไม่ได้อะไรตอบแทน ไทยจะใช้ยุทธศาสตร์เดินสายกลาง ศึกษาจุดได้เปรียบของเราเพื่อนำมาเป็นข้อต่อรอง” ที่ปรึกษานายกฯ กล่าว

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจา เตรียมนำทีมเดินทางไปสหรัฐฯ ในวันที่ 17 เมษายนนี้ เพื่อหารือกับทั้งภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ โดยจะเน้นเจรจาในประเด็นที่ไทยมีศักยภาพ

นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมองว่า สถานการณ์ครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบเศรษฐกิจโลก และไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าแบบใหม่ของสหรัฐฯ ที่อาจจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป