ประเทศไทยเร่งสร้าง ‘ความเชื่อมั่น’ ฝ่าวิกฤตการณ์รอบด้าน การเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม-กฎหมาย เดิมพันอนาคตรัฐบาล
กรุงเทพฯ – สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยกำลังต้องการ ‘ความเชื่อมั่น’ อย่างเร่งด่วนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงกระบวนการทางกฎหมาย
ในทางการเมืองและการปกครอง รัฐบาลภายใต้การนำกำลังเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งโหมโจมตีและด้อยค่า เพื่อให้รัฐบาลหมดสภาพกลายเป็น ‘รัฐล้มเหลว’ ในสายตาของประชาชนและต่างประเทศ การสร้างความมั่นคงและแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของรัฐบาลไปจนครบวาระ จึงเป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยมีศักยภาพและต้นทุนที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียนมาอย่างยาวนาน เคยได้รับฉายาว่าเป็น ‘เสือตัวที่ 5 ของเอเชีย’ แต่ในช่วงหลังเผชิญภาวะถดถอยไปบ้างจากปัจจัยภายใน อย่างไรก็ตาม บทบาทในเวทีต่างประเทศของไทยยังคงมีความสำคัญ โดยเฉพาะในการสร้างเอกภาพแก่ชาติอาเซียน และการมีส่วนร่วมในการไกล่เกลี่ยสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศเมียนมา รวมถึงการทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะเจออุปสรรคทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่ประชาชนยังคงมีความเชื่อมั่นและมีความหวังในการดับไฟใต้และนำสันติสุขกลับคืนมา
หันมาดูด้านเศรษฐกิจ ประเด็นใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งแสดงฝีมือและกำลังใจในการเจรจาคือเรื่องของ ‘กำแพงภาษี’ ที่มีแนวโน้มจะถูกนำกลับมาใช้ ซึ่งถือเป็นเดิมพันสำคัญที่จะทดสอบ ‘ความเชื่อมั่น’ และอาจตัดสินอนาคตของรัฐบาลในแง่ของการบริหารจัดการปัญหาเศรษฐกิจโดยตรง
สำหรับด้านสังคม การปราบปรามปัญหาสำคัญอย่างยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการลดระดับอาชญากรรม ยังคงเป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวังและต้องการเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม การจัดการปัญหาเหล่านี้อย่างเด็ดขาดจะช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยและความสงบสุขในสังคมได้เป็นอย่างดี
สิ่งสำคัญยิ่งยวดและจำเป็นเร่งด่วนที่สุดคือการสร้าง ‘ความเชื่อมั่นต่อกฎหมาย’ กฎหมายต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ มีการบังคับใช้อย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ และกระบวนการยุติธรรมต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะมีสถานะทางสังคมหรืออำนาจทางการเมืองเช่นไร
ในขณะนี้มีสองคดีสำคัญระดับชาติที่กำลังเป็นที่จับตาและกำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญของการตัดสิน คือกรณี ‘คดีตึก สตง. ถล่ม’ และ ‘คดีฮั้ว สว.’ การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะใหญ่โตมียศสูงหรือมีพลังอำนาจมากแค่ไหนก็ตาม ถือเป็นบททดสอบที่สำคัญของผู้บังคับใช้กฎหมาย
หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการปิดคดีสำคัญทั้งสองนี้ลงได้อย่างเด็ดขาดตามโทษานุโทษ จะเป็นการเรียกคืน ‘ความเชื่อมั่น’ จากประชาชนกลับคืนมาได้อย่างมหาศาล ซึ่งจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในทุกมิติ
บทสรุปคือ ประเทศไทยต้องการความเชื่อมั่นอย่างเร่งด่วน และการจัดการกับความท้าทายรอบด้านทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และกฎหมาย รวมถึงการจัดการคดีสำคัญอย่างตรงไปตรงมา คือกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นนั้น ซึ่งเป็นเดิมพันที่มีผลต่ออนาคตและความอยู่รอดของรัฐบาล