รัฐบาลไทย-มาเลเซียเร่งหารือรับมือมาตรการภาษีสหรัฐฯ พร้อมจับตาการเคลื่อนไหวของจีนในอาเซียน
รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร เตรียมต้อนรับนายกฯ มาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ในลักษณะการเยือนเชิงงาน (Working Visit) โดยคาดว่าหลักการหารือจะเน้นที่แนวทางรับมือมาตรการตอบโต้ภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนในภูมิภาค
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในฐานะที่ปรึกษาของประธานอาเซียน ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวปัจจุบันดำรงโดยนายกฯ มาเลเซียด้วย
ก่อนหน้านี้ นายกฯ อันวาร์ ได้มีการพูดคุยผ่านสายตรงกับผู้นำสิงคโปร์และอินโดนีเซียแล้ว ส่วนการหารือระดับอาเซียนนั้นยังต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการ
จีนเร่งสร้างพันธมิตรในอาเซียน
ในเวลาใกล้เคียงกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เดินทางเยือน 3 ประเทศอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา โดยจากการหารือกับเวียดนาม มีการตกลงร่วมมือในยุทธศาสตร์ต่อต้านมาตรการภาษีของสหรัฐฯ พร้อมกับขยายการนำเข้าสินค้าจากจีนมากขึ้น
นักวิเคราะห์มองว่าจีนกำลังใช้ยุทธศาสตร์ตัดหน้าสหรัฐฯ ในการสร้างพันธมิตรทางการค้า โดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งส่งสัญญาณให้ประเทศต่างๆ ต้องเลือกข้างอย่างชัดเจนมากขึ้น
ไทยยื่นข้อเสนอ 5 ข้อต่อสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยได้ส่งคณะเจรจาไปยังสหรัฐฯ เพื่อยื่นข้อเสนอ 5 ข้อ ครอบคลุมด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และพลังงาน โดยเน้นการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งน้ำมัน สินค้าเกษตร ปศุสัตว์ สินค้าเทคโนโลยี และเครื่องบิน พร้อมกับขยายการลงทุนในสหรัฐฯมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การขาดตัวแทนจากกระทรวงเกษตรฯ ในคณะเจรจา ทำให้เกิดคำถามถึงความครบถ้วนของทีมเจรจา เนื่องจากประเด็นการเกษตรเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของนโยบายทรัมป์
ทางรอดคือการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเตือนว่าในยุคสงครามการค้า ทางออกที่ยั่งยืนที่สุดคือการสร้างจุดแข็งจากภายในประเทศ หากจีดีพียังคงเติบโตต่ำหรือติดลบ ประกอบกับกำลังซื้อและการลงทุนที่ถดถอย การพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวเปรียบเสมือน “การยืมจมูกคนอื่นหายใจ” ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกตัดท่อออกซิเจนเมื่อใดก็ได้