รัฐบาลเตรียมทบทวนมาตรการ “ฟรีวีซ่า” หลังพบปัญหาต่างชาติก่ออาชญากรรม-อยู่เกินกำหนด
กรุงเทพฯ – รายงานล่าสุดจากกรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจให้ทบทวนมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ ฟรีวีซ่า สำหรับชาวต่างชาติแล้ว ภายหลังจากพบปัญหาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ทั้งการอยู่เกินกำหนด (Overstay) และการทำงานอย่างผิดกฎหมาย
มาตรการฟรีวีซ่าในปัจจุบัน ครอบคลุมพลเมืองจาก 93 ประเทศและดินแดน สามารถเดินทางเข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการท่องเที่ยวหรือการทำงานเร่งด่วนได้ไม่เกิน 60 วัน และสามารถขอขยายระยะเวลาพำนักได้อีกไม่เกิน 30 วัน
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่มีรายงานข่าวต่อเนื่องมาหลายเดือนเกี่ยวกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายซึ่งกระทำโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต การโจรกรรม การขับขี่อย่างประมาท การทำร้ายร่างกาย การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ ไปจนถึงคดีที่ร้ายแรงยิ่งกว่า
คดีที่สะเทือนขวัญและเป็นกรณีล่าสุดที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางคือ กรณีที่ผู้ต้องหานักท่องเที่ยวชาวจีนถูกจับกุมในคดีฆาตกรรมสาวประเภทสองชาวไทยภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพัทยาเมื่อช่วงรุ่งสางของวันเสาร์ที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา เหยื่อซึ่งต่อมาทราบชื่อคือ น.ส. วรนันท์ อายุ 25 ปี ชาว จ.หนองคาย ถูกกรีดเปิดช่องท้องตั้งแต่บริเวณคอลงไปถึงอวัยวะเพศ และพบว่าอวัยวะภายใน เช่น ปอดและหัวใจ ถูกนำออกไป โดยปอดยังคงหายไป ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด
ผู้ต้องหา นายฟู่ ถงหยวน อายุ 42 ปี ถูกจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันเดียวกัน ขณะพยายามเดินทางกลับประเทศจีน ใบหน้าและร่างกายของเขามีร่องรอยบาดแผลจากการขีดข่วน ทำให้ไม่สามารถผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบอัตโนมัติได้ ต่อมาเขาให้การรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพัทยาว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง แต่ยืนยันว่าเป็นการลงมือโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน แม้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดจะบันทึกภาพเขาที่ไปซื้ออุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุล่วงหน้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจไม่ใช่การกระทำที่ขาดการวางแผน ขณะที่ ณ เวลาที่รายงานข่าว (วันอาทิตย์) ยังคงไม่ทราบว่าปอดที่ถูกนำออกไปนั้นอยู่ที่ใด
ในความพยายามที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น รัฐบาลได้เปิดประตูรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการฟรีวีซ่าอย่างกว้างขวาง และขณะนี้ได้ตระหนักแล้วว่าประตูอาจจะกว้างเกินไป การพยายามคัดกรองผู้ที่อาจเป็นอาชญากรและผู้กระทำผิดกฎหมายออกจากนักท่องเที่ยวที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากบางรายอาจไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป รัฐบาลจะเริ่มใช้ระบบบัตรขาเข้าดิจิทัล (Digital Arrival Card) หรือ TDAC แทนแบบฟอร์มใบตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า (TM6) แบบเดิม
กรมประชาสัมพันธ์ระบุว่า การปรับปรุงระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของประเทศไทยในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเอกสาร และยกระดับประสบการณ์การเดินทางเข้าประเทศ ระบบ TDAC จะถูกเชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์กับบริการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง การสาธารณสุข การออกวีซ่า และศุลกากร เพื่อช่วยปรับปรุงกระบวนการเข้าประเทศให้คล่องตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมประชาสัมพันธ์ไม่ได้ระบุว่าระบบใหม่นี้จะสามารถช่วยคัดกรองผู้ที่เคยมีประวัติอาชญากรรมได้หรือไม่ และจะช่วยเร่งกระบวนการระบุตัวตนเร่งด่วนเพื่อจับกุมผู้ที่ก่อเหตุอาชญากรรมในประเทศไทย หรือป้องกันไม่ให้บุคคลดังกล่าวเดินทางเข้าประเทศได้เร็วขึ้นหรือไม่
แม้จะเป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนมาตรการฟรีวีซ่าบางส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรม แต่สิ่งสำคัญคือ มาตรการใหม่จะต้องมีความรอบคอบและมาจากการหารืออย่างละเอียดถี่ถ้วนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะก็อาจเป็นประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ควรกระทำอย่างเร่งรีบและมีผลกระทบในวงกว้าง อีกทั้งควรมีความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติต่อชาติใดชาติหนึ่งโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ประเทศไทยไม่ควรปรับเปลี่ยนมาตรการด้านวีซ่าบ่อยครั้งภายในระยะเวลาสั้นๆ เพราะอาจสร้างความสับสนโดยไม่จำเป็นให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย และท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเอง