คลัง หั่นเป้า GDP ไทยปี 68 เหลือ 2.1% พิษ “ภาษีทรัมป์” และศก.โลกชะลอ ฉุดส่งออก

กรุงเทพฯ – กระทรวงการคลังได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของประเทศไทยสำหรับปี 2568 ลงเหลือ 2.1% (ช่วงคาดการณ์ 1.6% – 2.6%) จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3%

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สาเหตุหลักของการปรับลดประมาณการในครั้งนี้ มาจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ที่นำโดยนโยบาย Reciprocal Tariff รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย

สศค. คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในปี 2568 จะขยายตัวที่ 2.3% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 1.8% – 2.8%) แม้ว่าการประกาศเลื่อนการบังคับใช้นโยบาย Reciprocal Tariff ออกไป 90 วัน และการยกเว้นสินค้าบางประเภท เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อการส่งออกของไทยได้บางส่วนก็ตาม

ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้าคาดว่าจะทรงตัวที่ 1.0% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 0.5% – 1.5%) ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการวัตถุดิบเพื่อการผลิตเพื่อส่งออก และการลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

นายพรชัย กล่าวว่า สถานการณ์นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ยังคงมีความไม่แน่นอนและมีโอกาสเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยและประเทศคู่ค้าอย่างมีนัยสำคัญ

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศที่ยังคงเป็นแรงสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ประกอบด้วย:

  • การบริโภคภาคเอกชน: คาดว่าจะขยายตัวดีที่ 3.2% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 2.7% – 3.7%) ตามกำลังซื้อในประเทศและการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
  • ภาคการท่องเที่ยว: คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 36.5 ล้านคน ขยายตัว 2.7% ต่อปี
  • การลงทุนภาครัฐ: คาดว่าจะขยายตัว 2.8% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 2.3% – 3.3%) จากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคที่จะมีขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4 ปีงบประมาณ 2568 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2569
  • การบริโภคภาครัฐ: คาดว่าจะขยายตัว 1.2% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 0.7% – 1.7%)
  • การลงทุนภาคเอกชน: คาดว่าจะขยายตัวที่ 0.4% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ -0.1% ถึง 0.9%)

สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ:

  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไป: คาดว่าจะลดลงอยู่ที่ 0.8% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 0.3% – 1.3%) ตามทิศทางราคาน้ำมัน
  • ดุลบัญชีเดินสะพัด: คาดว่าจะเกินดุล 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.2% ของ GDP จากดุลการค้าที่เกินดุลต่อเนื่อง

นายพรชัย ยังกล่าวถึงสถานะทางการคลังว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลยังเป็นไปตามเป้าหมาย โดยกรอบเพดานหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังอยู่ที่ 70% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 64%

ในส่วนของการพิจารณาใช้เงิน 500,000 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาแหล่งเงินและการบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลางด้วย

กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการรับมือและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ดังนี้:

  1. เจรจากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
  2. เตรียมแหล่งเงินและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหมาะสม ควบคู่การดูแลกลุ่มเปราะบาง
  3. เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณที่เหลือของปี 2568
  4. ผลักดันความช่วยเหลือผู้ส่งออกผ่าน EXIM Bank
  5. บูรณาการหน่วยงานดูแลกลุ่มเปราะบางและ SME ที่ได้รับผลกระทบ

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ นโยบายภาษีของสหรัฐฯ และการตอบโต้ของประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะจีน, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ, การไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่ย้ายตลาดมาไทย, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์, การย้ายฐานลงทุน, ความผันผวนเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และปัญหาหนี้ครัวเรือน/ภาคธุรกิจของไทย

สำหรับกรณี Moody’s ปรับลด Outlook ของไทยนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างพิจารณา แต่เบื้องต้นยังไม่ได้รับผลกระทบต่อต้นทุนการเงินของไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *