ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน 2568 อย่างเป็นทางการ: กรมอุตุฯ คาดฝนใกล้เคียงปกติ เตือนพายุเข้าเหนือ-อีสาน พร้อมแผนรับมือ

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน 2568 อย่างเป็นทางการ: กรมอุตุฯ คาดฝนใกล้เคียงปกติ เตือนพายุเข้าเหนือ-อีสาน พร้อมแผนรับมือ

กรุงเทพฯ – วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว โดยคาดการณ์ปริมาณฝนรวมทั่วประเทศในช่วงฤดูฝนปีนี้จะใกล้เคียงกับค่าปกติ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,500 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม มีการเตือนให้เฝ้าระวังพายุหมุนเขตร้อนที่คาดว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยจำนวน 1-2 ลูก โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝนในปี 2568 โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ปรากฏการณ์เอนโซได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว และคาดว่าจะอยู่ในภาวะปกติต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม 2568 ซึ่งจะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกสูงกว่าค่าปกติ

สำหรับคาดการณ์ปริมาณฝนรายเดือน พบว่า เดือนพฤษภาคม พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะมีปริมาณฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ ขณะที่เดือนมิถุนายน พื้นที่ส่วนใหญ่จะมีฝนรวมสูงกว่าค่าปกติเช่นกัน ยกเว้นด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ฝั่งตะวันออกที่คาดว่าจะใกล้เคียงถึงต่ำกว่าค่าปกติ ส่วนในเดือนกรกฎาคม พื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนกลางของประเทศจะมีฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ ขณะที่ภาคเหนือ ด้านตะวันตกของภาคกลาง และด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะใกล้เคียงถึงต่ำกว่าค่าปกติ

เดือนสิงหาคม พื้นที่ภาคกลางและภาคใต้จะมีฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ ส่วนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะต่ำกว่าค่าปกติ และในเดือนกันยายน พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะมีฝนรวมต่ำกว่าค่าปกติ เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จะมีฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ

กรมชลประทานกำชับบริหารจัดการน้ำ เตรียมพร้อมรับมือ

ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลกรมชลประทาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กำชับให้กรมชลประทานเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้น้ำฝนเป็นหลัก พร้อมเปิดเผยถึงแผนการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนทั้งหมด 31,710 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีแผนจัดสรรน้ำสำหรับทุกกิจกรรมรวม 16,739 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นการเกษตรประมาณ 7,580 ล้านลูกบาศก์เมตร (45%) การอุปโภคบริโภค 1,654 ล้านลูกบาศก์เมตร (10%) อุตสาหกรรม 260 ล้านลูกบาศก์เมตร (2%) และการรักษาระบบนิเวศและอื่นๆ 7,245 ล้านลูกบาศก์เมตร (43%)

คาดว่าจะมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีประมาณ 16.85 ล้านไร่ (73%) พืชไร่พืชผัก 0.53 ล้านไร่ (2%) และการเพาะปลูกอื่นๆ ประมาณ 5.64 ล้านไร่ (25%) รวมพื้นที่คาดการณ์การเพาะปลูกทั้งสิ้น 23.02 ล้านไร่

ปัจจุบัน ประเทศไทยตอนบนกำลังประสบปัญหาพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักในบางพื้นที่ ขณะที่ภาคใต้มีฝนตกหนัก เนื่องจากอิทธิพลของบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนและลมมรสุม กรมชลประทานได้เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย โดยสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ และบุคลากร เพื่อเร่งสูบน้ำและระบายน้ำอย่างรวดเร็ว

สำหรับการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝน กรมชลประทานได้ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง/เฝ้าระวังอุทกภัย อาคารชลประทาน และเครื่องจักรเครื่องมือให้พร้อมใช้งาน พร้อมประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ปภ. และ อปท. เพื่อขุดลอกทางน้ำและกำจัดวัชพืช นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนพร่องน้ำในลำน้ำสายหลักและลำน้ำสาขา บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำตามเกณฑ์ (Dynamic Operation Curve – DOC) และปรับแผนระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำและแก้มลิง โดยเฉพาะการปรับปฏิทินเพาะปลูกโครงการบางระกำโมเดล เพื่อให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อนน้ำหลาก

ผู้เชี่ยวชาญเตือน! ทำนาแค่รอบเดียว เลี่ยงน้ำท่วมปลายฤดู และห่วงแล้งปีหน้ามากกว่าน้ำท่วมใหญ่

นายธเนศ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เผยว่าจากการประชุมร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่าฝนเดือนพฤษภาคมจะมากกว่าค่าเฉลี่ย 19% จึงเห็นว่าควรมีการพร่องน้ำออกจากเขื่อนเพื่อรองรับน้ำในเดือนตุลาคมที่คาดว่าจะมากกว่าค่าเฉลี่ย 17% อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานกังวลว่าหากพร่องน้ำมากไป อาจมีความเสี่ยงในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนที่ฝนจะน้อยหรือใกล้เคียงค่าเฉลี่ย

นายธเนศ ยืนยันว่า สถานการณ์น้ำปีนี้ไม่น่าจะเหมือนปี 2554 แต่จะคล้ายปี 2567 คือ พื้นที่ไหนที่เคยน้ำท่วม มีโอกาสท่วมซ้ำ เนื่องจากทางน้ำเปลี่ยนแปลงไป ส่วนพื้นที่ไหนเคยแล้ง ก็ยังคงเสี่ยงแล้ง การบริหารจัดการน้ำจะเน้นแบบ Dynamic Operation Curve

ข้อแนะนำสำหรับเกษตรกรคือ หากอยู่ในพื้นที่ฝนดี ควรทำเกษตรหรือทำนาไปเลยในช่วงต้นฤดูที่มีฝนเยอะ แต่ควรทำเพียงรอบเดียว เพราะหากทำนาปีต่อเนื่อง มีโอกาสเสี่ยงที่น้ำจะท่วมพื้นที่เกษตรเสียหายได้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ที่คาดว่าน้ำจะมาก

ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวเสริมว่า สทนช. กำลังเร่งหารือปรับแผนระบายน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่หลังเข้าสู่ฤดูฝน พร้อมย้ำคาดการณ์พายุเข้าเหนือ-อีสาน 1-2 ลูกช่วงสิงหาคม-ตุลาคม แม้ภาพรวมฝนมีแนวโน้มใกล้เคียงหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย (5-10%) แต่ช่วง 3 เดือนแรก (พ.ค.-ก.ค.) ฝนมีแนวโน้มมากกว่าค่าเฉลี่ย และช่วง 15-16 พฤษภาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะแรงขึ้น ต้องเฝ้าระวังภาคใต้ริมอันดามัน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคเหนือตอนล่าง สทนช. ได้แจ้งทุกหน่วยงานรับทราบ พร้อมเร่งสร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำให้ประชาชน

ขณะที่ นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเตือนภัยจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มองว่า จากข้อมูลคาดการณ์น้ำฝนปีนี้ ฝนจะตกชุกแค่ช่วงต้นฤดู (พ.ค.-มิ.ย.) ส่วนช่วงกลางฤดูจะมีฝนน้อยกว่าหรือเทียบเท่าค่าปกติ ไม่น่ากังวลเรื่องน้ำท่วมใหญ่แบบปี 2554 ที่ต้องมีฝนสะสมต่อเนื่อง 6 เดือน แต่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำไหลหลากในพื้นที่ไหล่เขาและชุมชนเมือง รวมถึงน้ำท่วมขังรอระบาย โดยเฉพาะใน กทม. และปริมณฑล

นายเสรี ชี้ว่า แทนที่จะกังวลเรื่องเขื่อนระบายน้ำจนเกิดน้ำท่วม ควรจับตาว่าปลายฤดูฝนจะมีน้ำสำรองเข้าเขื่อนใหญ่เพียงพอต่อการทำเกษตรหน้าแล้งปีถัดไปหรือไม่ และหวังว่ารัฐบาลจะสามารถถอดบทเรียนและวางแผนแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งที่เป็นปัญหาซ้ำซากของประชาชนและเกษตรกรไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *