หอการค้าไทย-สหรัฐฯ จัดซัมมิทการค้า-ลงทุนครั้งใหญ่ ชู 4 ด้านศักยภาพ พร้อมดันลดขาดดุล

หอการค้าไทย-สหรัฐฯ จัดซัมมิทการค้า-ลงทุนครั้งใหญ่ ชู 4 ด้านศักยภาพ พร้อมดันลดขาดดุล

กรุงเทพฯ – วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมไฮแอต รีเจ็นซี กรุงเทพฯ หอการค้าไทย ร่วมกับหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และหอการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (USCC) ได้ร่วมกันจัดงาน Thailand – U.S. Trade and Investment Summit 2025 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ภายในงานมีการหารือถึงโอกาสและความท้าทายในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ โดยได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วม

นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันยาวนานกว่า 50-60 ปีระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยเฉพาะบทบาทสำคัญของภาคพลังงานของสหรัฐฯ ที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้ให้เห็นว่า ในอดีตประเทศไทยเคยพึ่งพาพลังงานในประเทศได้ถึง 100% แต่ปัจจุบันต้องพึ่งพาการนำเข้าถึง 60% สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความต้องการการลงทุนใหม่ๆ ด้านพลังงาน ซึ่งควรมีการหารือกันอย่างจริงจังเพื่อเปิดประตูสู่การพัฒนาในอุตสาหกรรมนี้

นอกจากนี้ นายพิชัยยังกล่าวถึงศักยภาพของไทยในการเป็นหมุดหมายการลงทุน โดยปัจจุบันไทยติดอันดับ 10 ในกลุ่ม 25 ประเทศตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุดในโลกในปีนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่ารัฐบาลไทยกำลังเร่งดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยฝ่ายไทยได้ยื่นข้อเสนอแผนการแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าให้แก่สหรัฐฯ ไปแล้ว และคาดว่าแผนดังกล่าวจะสามารถช่วยลดตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ได้ประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งจะเป็นการสร้างสมดุลและส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้ยั่งยืน

ด้าน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ภาคเอกชนของทั้งไทยและสหรัฐฯ จะได้หารือเชิงลึกเพื่อแสวงหาแนวทางในการขยายการค้าการลงทุนร่วมกัน โดยมุ่งเน้นใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตสูง ได้แก่:

  1. การค้าผลิตภัณฑ์เกษตรและนวัตกรรมอาหาร (Agricultural products and food innovation)
  2. การขับเคลื่อนนโยบายสีเขียว (Green policy drive) หรือเศรษฐกิจสีเขียว
  3. การค้าดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital trade and innovation)
  4. การฟื้นฟูอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการท่องเที่ยว (Revival of creative industry and tourism)

การหารือและข้อตกลงที่เกิดขึ้นจากเวทีนี้คาดว่าจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา สร้างงาน สร้างรายได้ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศในระยะยาว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *