กรุงเทพฯ – สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยกำลังอยู่ในช่วงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เมื่อล่าสุด แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย

การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงยอมรับจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ข้อมูลและตัวเลขด้านการท่องเที่ยวในปัจจุบันยังคงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ และอุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้านที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ

ก่อนหน้านี้ แพทองธาร ชินวัตร ได้เคยกล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ยอมรับถึงปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย ทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นอกจากนี้ ปัญหาข่าวสารเชิงลบที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย รวมถึงปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวในบางพื้นที่ และที่สำคัญคือ การเข้าสู่ช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว หรือ "โลว์ซีซั่น" ตามปกติ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยกดดันให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการหามาตรการรับมือ โดยการประชุมในวันนี้ (ตามแหล่งข่าว) มีการเชิญทีมงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมหารืออย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันวางแผนและกำหนดแนวทางในการฟื้นฟูและกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว

ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในการประชุม ได้แก่:

• มาตรการระยะสั้นสำหรับช่วงโลว์ซีซั่น: การเร่งออกมาตรการและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเวลาที่ปกติแล้วนักท่องเที่ยวจะลดลง เพื่อพยุงสถานการณ์และสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาไทย
• แผนพัฒนาระยะยาว: การวางยุทธศาสตร์และแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะยาว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
• การสนับสนุนการท่องเที่ยวในเมืองหลักและเมืองรอง: การกำหนดนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งเมืองที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว และเมืองรองที่มีศักยภาพแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
• กิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาด: การวางแผนแคมเปญโปรโมชั่นที่หลากหลาย รวมถึงความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ และการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การประชาสัมพันธ์และการขายมีประสิทธิภาพสูงสุด

การที่ผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลลงมาติดตามสถานการณ์และเรียกประชุมด้วยตนเอง สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลและความตั้งใจจริงที่จะแก้วิกฤตในครั้งนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไทย ซึ่งการชะลอตัวย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังภาคส่วนอื่นๆ

ขณะนี้ ทุกสายตากำลังจับจ้องไปยังมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา รัฐบาลจะสามารถงัดกลยุทธ์เด็ดใดมาพลิกสถานการณ์ พยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้หรือไม่ คงต้องติดตามดูกันต่อไปอย่างใกล้ชิด