กรุงเทพฯ — ตำรวจสามารถช่วยชีวิตชาวอินเดีย 3 ราย ที่ถูกกลุ่มคนชาติเดียวกันลักพาตัวและกักตัวเรียกค่าไถ่ในกรุงเทพมหานคร โดยจับกุมผู้ต้องสงสัย 7 รายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้แล้ว

พล.ต.ท.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่าตำรวจได้จับกุมนายซานดู อายุ 22 ปี พร้อมด้วยผู้ร่วมขบวนการชาวอินเดียอีก 5 ราย ได้แก่ โซราฟ (26), ซิมรันจิต (35), อาภิเสก (25), นิทิน (36), กุรวินเดอร์ (35) และชาวปากีสถาน 1 ราย ชื่อ มูฮัมหมัด (57) ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยสันติธรรม 8 แขวงสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา

เบื้องหลังคดี

จากรายงานของตำรวจ เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายสนีฟ ซึ่งเป็นผู้แจ้งความว่าเพื่อนของเขาถูกลักพาตัว ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยร่วมกับนายราเมชและนายอมานดีป โดยพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตสาทร ก่อนจะย้ายไปพักที่โรงแรมไดมอนด์ เรสซิเดนซ์ ห้อง 305 ถนนสีลม เขตบางรัก ในวันที่ 11 เมษายน 2568

วันที่ 14 เมษายน ระหว่างเวลา 18.00-19.00 น. นายราเมชและนายอมานดีปได้ออกจากโรงแรมพร้อมชายชาวอินเดียที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งมารับด้วยรถแท็กซี่ โดยอ้างว่าจะเดินทางไปเวียดนามก่อน ส่วนนายสนีฟไม่ได้ร่วมเดินทางเนื่องจากยังไม่ได้รับอนุมัติวีซ่า

วันที่ 16 เมษายน น้องสาวของนายราเมชได้ติดต่อนายสนีฟผ่าน WhatsApp แจ้งว่ามีคนชื่อซานดูติดต่อมาอ้างว่ากำลังควบคุมตัวทั้งคู่ไว้ และเรียกร้องค่าไถ่ 2,500,000 รูปีอินเดีย (ประมาณ 29,272 ดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมขู่จะทำร้ายหากไม่จ่ายเงิน

วิธีการของกลุ่มผู้ต้องสงสัย

พล.ต.ท.วสันต์ เปิดเผยว่ากลุ่มชาวอินเดียเหล่านี้แอบอ้างเป็นนายหน้าจัดหางานในออสเตรเลียให้เพื่อนร่วมชาติ โดยอ้างว่าผู้เสียหายต้องพักอยู่ในกรุงเทพฯเพื่อดำเนินเอกสาร ก่อนจะล่อลวงและกักตัวผู้เสียหายไว้ในบ้านเช่า พร้อมกับผู้เสียหายชาวอินเดียอีกคนชื่อปาเตล อายุ 40 ปี ที่ถูกหลอกจากสนามบินดอนเมืองด้วยวิธีการเดียวกัน

ผู้ต้องสงสัยได้ติดต่อญาติของผู้เสียหายเรียกร้องให้โอนเงินจากอินเดีย คนละประมาณ 1 ล้านบาท (30,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และขู่ว่าหากผู้เสียหายไม่ปฏิบัติตามหรือติดต่อญาติ จะถูกทำร้ายร่างกายและตัดอวัยวะ

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกำลังตรวจสอบประวัติของผู้ต้องสงสัยที่เข้าประเทศไทยอย่างถูกต้อง และประสานงานกับสถานทูตอินเดียเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม