CIB ทลายเครือข่ายนอมินีจีน ผุดคอนโดหรู 2 พันล้านบาท กลางเมืองระยอง
กรุงเทพฯ – กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) แถลงผลสำเร็จของปฏิบัติการ “CIB Nominee Sweep EP.3” ทลายเครือข่ายนอมินีชาวจีนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินในจังหวัดระยอง เพื่อก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมหรูมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท
พล.ต.ต.ฐณสุมทร์ จารุปราณ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลต่อเนื่องจากปฏิบัติการกวาดล้างธุรกิจชาวต่างชาติผิดกฎหมายในพื้นที่ภูเก็ตและย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้พบการใช้บริษัทเชลล์ หรือ นอมินี (บุคคลไทยที่ถูกว่าจ้างให้ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ) ในการประกอบธุรกิจ โดยในปฏิบัติการ CIB Nominee Sweep EP.3 นี้ ได้ทำการตรวจสอบนิติบุคคลจำนวน 4 แห่งที่ต้องสงสัยว่ามีการอำพรางการถือหุ้นโดยนักลงทุนชาวจีน
จากการสืบสวนพบว่า บริษัททั้ง 4 แห่ง ซึ่งมีบริษัทจากฮ่องกง 1 แห่ง และบริษัทไทย 3 แห่ง มีการซื้อที่ดินรวม 72 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง เพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่พักอาศัย ประกอบด้วยอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 10 อาคาร มีห้องพักรวม 1,821 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
“โครงสร้างการก่ออาชญากรรมมีความซับซ้อน โดยมีการจัดโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทเป็นชั้นๆ เพื่อทำให้การสืบสวนซับซ้อนยิ่งขึ้น” เจ้าหน้าที่กล่าวและเสริมว่า “มีการส่งตัวแทนชาวจีนเข้ามาบริหารจัดการทุกขั้นตอนของการก่อสร้าง ตั้งแต่การตั้งบริษัทผลิตคอนกรีตของตนเอง ไปจนถึงการจ้างวิศวกร สถาปนิก ช่างไฟฟ้า ช่างประปา และแรงงานชาวจีน เข้ามาดำเนินงานในโครงการทั้งหมด”
เจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยถึงผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า “พบการโอนเงินจากบริษัทลงทุนของชาวจีนที่จดทะเบียนในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง วงเงินกว่า 500 ล้านบาท หมุนเวียนอยู่ในบัญชีบริษัทต่างๆ ซึ่งบ่งชี้ชัดเจนว่าธุรกิจเหล่านี้มีเจ้าของที่แท้จริงเป็นนักลงทุนชาวจีน”
ด้าน พ.ต.อ.กฤษ วรทัต ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.4 บก.ปอศ.) ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า บริษัทเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันทั้งด้านบัญชีและบุคลากร โดยได้เข้าตรวจค้น 3 จุด ในจังหวัดระยองและชลบุรี พบระบบการทำงานแบบปิด คือมีการตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อผลิตคอนกรีตสำหรับโครงการก่อสร้างนี้โดยเฉพาะ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดเอกสารและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง อาทิ โฉนดที่ดิน 7 ฉบับ ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 72 ไร่, สมุดบัญชีเงินฝากทั้งของคนไทยและชาวจีนรวม 48 เล่ม มียอดเงินหมุนเวียนรวมกว่า 72 ล้านบาท, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, สัญญาซื้อขายที่ดิน 1 ฉบับ, ตรายางบริษัท 6 อัน และ Token ธนาคาร 7 อัน เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน
สำหรับกระบวนการทางกฎหมาย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และประมวลกฎหมายที่ดิน กับกลุ่มกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธ ส่วนที่สองเป็นการดำเนินคดีกับแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งจะส่งให้ตำรวจในพื้นที่ดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
นอกจากนี้ บก.ปอศ. จะส่งเอกสารการถือครองที่ดินไปยังกรมที่ดิน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งอาจต้องมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นให้คนไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และหากไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด คณะกรรมการของกรมที่ดินจะยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้มีคำสั่งบังคับขายที่ดินให้กับบุคคลสัญชาติไทย
ผู้ที่ถูกดำเนินคดีในเบื้องต้น ประกอบด้วย กรรมการและผู้ถือหุ้นทั้งชาวไทยและชาวจีน จำนวน 5 ราย, สถาปนิก 2 ราย, โฟร์แมนคุมงาน 2 ราย และช่างคอนกรีตและช่างประปาชาวจีนอีก 2 ราย