ไทย-มาเลเซีย เร่งฟื้น ‘รถไฟสุไหงโก-ลก’ ดัน MOU ขนส่งข้ามพรมแดน เชื่อมเศรษฐกิจชายแดนคึกคัก
กรุงเทพฯ – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายโลกิ ซิว ฟุก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในการเร่งรัดความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างสองประเทศ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง และการเร่งรัดการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนทั้งสินค้าและผู้โดยสาร
การหารือครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดจากผลการเยือนประเทศมาเลเซียของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเมื่อปลายปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจร่วมกันของทั้งสองประเทศในการกระชับความสัมพันธ์และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน
เร่งรัด MOU ขนส่งข้ามพรมแดน คาดลงนาม ก.ค. 2568
ในส่วนของการขนส่งทางถนน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการพิจารณาร่าง MOU จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่:
- ฉบับที่ 1: ว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย (Memorandum of Understanding on Cross Border Transport of Goods between Thailand and Malaysia: CBTG)
- ฉบับที่ 2: ว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (Memorandum of Understanding on Cross Border Transport of Passengers between Thailand and Malaysia: CBTP)
โดยตั้งเป้าหมายที่จะเจรจาให้แล้วเสร็จและสามารถลงนามได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการขนส่ง และอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตขับรถดิจิทัลผ่านกลไกอาเซียนอีกด้วย
ฟื้นฟูเส้นทางรถไฟ ‘สุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง’ เชื่อม ECRL
นายสุริยะ กล่าวว่า สำหรับการขนส่งทางราง ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือคือการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง โดยตนได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟมาเลเซีย (KTMB) ร่วมกันพิจารณากระบวนการและแผนการเปิดให้บริการที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาระบบรางชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย (East Coast Rail Link: ECRL) ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการผลักดันการใช้ พิธีการศุลกากรเพียงครั้งเดียว ณ จุดขาเข้า (Single Stop Inspection: SSI) เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลา
เตรียมพร้อมศุลกากร รองรับปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น
นายสุริยะ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมด้านศุลกากรของมาเลเซีย เพื่อให้การดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าราบรื่นและสามารถรองรับปริมาณการขนส่งที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความยินดีต่อความคืบหน้าในการกลับมาให้บริการรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ (สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) – ปาดังเบซาร์ – บัตเตอร์เวิร์ธ ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนกรกฎาคม 2568 ซึ่งเส้นทางนี้จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านการเดินทางและการขนส่งระหว่างสองประเทศ
โครงการ Perlis Inland Port (PIP) ใกล้ปาดังเบซาร์ คาดเปิดบริการปี 2568
ในส่วนของความคืบหน้าโครงการด้านโลจิสติกส์ นายโลกิ ซิว ฟุก ได้รายงานความคืบหน้าโครงการ Perlis Inland Port (PIP) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากด่านปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา ประมาณ 5 กิโลเมตร ว่า ขณะนี้การก่อสร้างยังคงดำเนินอยู่ และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการระยะที่ 1 ได้ภายในปี 2568 โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความแออัดของการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์จาก Padang Besar Container Terminal (PBCT) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุริยะ กล่าวสรุปว่า การหารือในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองฝ่ายในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกำหนดแนวทางความร่วมมือในอนาคต เชื่อมั่นว่าความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและมาเลเซียจะนำไปสู่ความก้าวหน้าในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงในระดับทวิภาคีและในระดับภูมิภาคได้อย่างเป็นรูปธรรม นำมาซึ่งประโยชน์สุขต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนให้เติบโตมากยิ่งขึ้น