ไทยร่วมไว้อาลัย ‘โป๊ปฟรานซิส’ ผู้นำศาสนาและรัฐบาล แสดงความเสียใจและยกย่องพระกรณียกิจ
กรุงเทพฯ – ประเทศไทยร่วมแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส หรือ โป๊ปฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา ผู้นำศาสนาสำคัญในประเทศไทย รวมถึงรัฐบาล ต่างพร้อมใจกันแสดงความเสียใจและยกย่องพระกรณียกิจของพระองค์อย่างกว้างขวาง
รัฐบาลไทยได้มีคำสั่งให้ลดธงครึ่งเสาทั่วราชอาณาจักรเป็นเวลา 3 วัน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและอาลัยอย่างเป็นทางการ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระดำรัสแสดงความอาลัยเมื่อวันที่ 22 เมษายน ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยทรงระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งที่โป๊ปฟรานซิสเสด็จเยือนประเทศไทยในปี 2562 และเข้าเฝ้าฯ ณ วัดราชบพิธฯ
สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระดำรัสตอนหนึ่งว่า “การเสด็จเยือนอาตมภาพ ณ วัดราชบพิธฯ ของสมเด็จพระสันตะปาปา ถือเป็นพระกรณียกิจอันเป็นมหามงคลอย่างยิ่ง ซึ่งได้ย่นระยะห่างระหว่างเรา ขจัดความเข้าใจผิด เปลี่ยนความไม่คุ้นเคยให้กลายเป็นความใกล้ชิด และบรรเทาความสงสัยให้กลายเป็นความสมานฉันท์อันบริสุทธิ์ใจ”
พระองค์ยังทรงอ้างอิงหลักธรรมทางพุทธศาสนาว่า “ผู้ใดไม่ทำร้ายเพื่อน ย่อมได้รับเกียรติในทุกแห่งหน ผู้ใดไม่ทำร้ายเพื่อน ย่อมก้าวข้ามความเป็นศัตรูทั้งปวงได้” และทรงกล่าวว่ามรดกแห่งเมตตาจิตและไมตรีจิตของโป๊ปฟรานซิสยังคง “เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความเคารพอย่างสุดซึ้งในหมู่ผู้คนทุกชาติทุกศาสนา”
ด้านอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย นำโดย อาร์ชบิชอป ฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อระลึกถึงสมเด็จพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับ อาร์ชบิชอปวีระกล่าวยกย่องโป๊ปฟรานซิสในฐานะผู้ประกาศความรักของพระคริสต์ผ่านชีวิตที่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม
“แม้ในช่วงสุดท้ายของพระชนม์ชีพ แม้จะต้องเข้าโรงพยาบาลและเจ็บป่วยบ่อยครั้ง แต่พระองค์ก็ยังทรงห่วงใยคริสตจักร ทั้งพระชนม์ชีพของพระองค์อุทิศให้กับการรับใช้คริสตจักรด้วยความเชื่อและความรักต่อพระเจ้า ทรงเป็นแบบอย่างแก่คริสตชนทุกคน” อาร์ชบิชอปวีระกล่าว
ซิสเตอร์ อนา โรซา ซิโวริ (Sister Ana Rosa Sivori) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของโป๊ปฟรานซิส เล่าว่าเธอรู้จักกับพระองค์มาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นญาติและครอบครัวสนิทสนมกัน เธอกล่าวว่ารู้สึกเสียใจมากเมื่อทราบข่าวการจากไป เพราะพระองค์เพิ่งจะทักทายคริสตชนที่มหาวิหารวาติกัน ทำให้คิดว่าพระพลานามัยดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอหวังว่าทุกคนจะตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าและความปรารถนาสันติภาพของโป๊ปฟรานซิส เพื่อทำให้โลกของเราน่าอยู่และดีขึ้นกว่าเดิม
สำนักจุฬาราชมนตรี โดย นายอาศิส พิทักษ์คุมพล (Sheikhul Islam Aaron Boonchom) จุฬาราชมนตรี ก็ได้แสดงความเสียใจและมอบหมายให้ ผศ.ดร.ปกรณ์ ปริยากร ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี นำสารถวายความอาลัยไปยังสถานเอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย
ด้านการเมือง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ลดธงครึ่งเสาตั้งแต่วันที่ 23-25 เมษายน ผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 21 เมษายน เธอกล่าวว่า “ในนามของประชาชนชาวไทย ดิฉันขอแสดงความโศกเศร้าและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระเมตตาจิตอันไม่ย่อท้อ ความกล้าหาญทางศีลธรรม ความถ่อมตนอันสูงส่ง และการแสวงหาสันติภาพอย่างไม่หยุดยั้งของพระองค์ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายล้านคนทั่วทุกศาสนาและประชาชาติ”
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเข้าเฝ้าโป๊ปฟรานซิสที่นครวาติกันในปี 2556 ก็ได้ร่วมแสดงความอาลัยเช่นกัน โดยกล่าวว่า “พระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมตตาธรรมและความถ่อมตน และจะถูกจดจำในความพยายามอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อส่งเสริมสันติภาพโลก สิทธิมนุษยชน และช่วยเหลือกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดในสังคม”
ชุมชนชาวคาทอลิกในประเทศไทย แม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็มีบทบาทสำคัญในหลายด้าน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาหลายแห่งที่บริหารงานโดยบาทหลวงและซิสเตอร์ การเสด็จเยือนประเทศไทยของโป๊ปฟรานซิสในเดือนพฤศจิกายน 2562 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นการเสด็จเยือนครั้งแรกในรอบ 35 ปี