กรมศิลปากร เปิดโครงการ ‘วันอนุรักษ์มรดกไทย 2568’ รณรงค์ดูแลโบราณสถานทั่วประเทศ เริ่มที่วัดอัปสรสวรรค์
กรุงเทพฯ – เมื่อเร็วๆ นี้ นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2568 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้กิจกรรมรณรงค์ดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร สำนักงานเขตภาษีเจริญ โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ และเครือข่ายการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 150 คน ณ วัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงกิจกรรมที่วัดอัปสรสวรรค์วรวิหารว่า เป็นการทำความสะอาดโบราณสถาน อาคาร และสิ่งสำคัญภายในวัดซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเน้นวิธีการทำความสะอาดในเชิงการอนุรักษ์ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของวันอนุรักษ์มรดกไทย
กิจกรรมนี้ยังจัดขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่องานด้านศิลปวัฒนธรรม ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมงานด้านศิลปวัฒนธรรมมาโดยตลอด
อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากวัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร กรมศิลปากรยังได้จัดกิจกรรมรณรงค์ดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อาทิ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี, วัดผาลาด จังหวัดเชียงใหม่, วัดโพธาราม จังหวัดมหาสารคาม, วัดโรง จังหวัดสงขลา การจัดกิจกรรมทั่วประเทศนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาโบราณสถานและโบราณวัตถุ รวมถึงสร้างจิตสำนึกความเป็นเจ้าของวัฒนธรรม และร่วมกันปกป้องพัฒนาแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าให้คงอยู่สืบไป
สำหรับวัดอัปสรสวรรค์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมมีชื่อว่า “วัดหมู” ตั้งอยู่ในกลุ่มวัดบริเวณปากคลองด่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชุมชนตั้งถิ่นฐานหนาแน่นมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตามประวัติกล่าวว่าสร้างโดย “จีนอู๋” แต่ไม่ปรากฏหลักฐานช่วงเวลาที่ชัดเจน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าจอมน้อย (สุหรานากง) ได้สถาปนาวัดนี้ขึ้นใหม่ และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ในการบูรณปฏิสังขรณ์ พร้อมทั้งพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอัปสรสวรรค์”
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ยังได้พระราชทานพระฉันสมอมาประดิษฐานที่วัดนี้ด้วย ในหมายรับสั่งสมัยรัชกาลที่ 3 จ.ศ. 1200 (พ.ศ. 2381) ระบุถึงพระราชพิธีเฉลิมฉลองวัดอัปสรสวรรค์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวัดในยุคนั้น
สถาปัตยกรรมภายในวัดส่วนใหญ่ได้รับการบูรณะในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเฉพาะพระอุโบสถ ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน มีรูปแบบศิลปะแบบพระราชนิยมของรัชกาลที่ 3 หรือที่เรียกว่า ศิลปะแบบนอกอย่าง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประธานถึง 28 พระองค์ บนฐานชุกชีเดียวกัน
ปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ร่วมกับทางวัดดำเนินโครงการบูรณะศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นศาลาเครื่องไม้เก่าแก่หลังหนึ่งในกรุงเทพฯ คาดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยเน้นการคงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและเสริมความมั่นคง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2569 ส่วนหอไตรกลางน้ำซึ่งเป็นอีกหนึ่งโบราณสถานสำคัญ ก็มีแผนที่จะบูรณะส่วนเสาในปีต่อไป