รัฐบาลไทยเตรียมเจรจาการค้าสหรัฐฯ เน้นเพิ่มส่งออก-นำเข้าเพื่อสร้างสมดุล
กรุงเทพฯ — พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยแนวทางของไทยในการเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา ก่อนเดินทางไปเจรจาที่วอชิงตัน โดยเน้นยุทธศาสตร์เพิ่มการส่งออกไปสหรัฐฯ พร้อมกับเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากอเมริกาเพื่อสร้างสมดุล
ในการแถลงข่าวหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายภาษีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 พล.อ.อ.ประจินเปิดเผยว่าที่ประชุมได้หารืออย่างละเอียดเกี่ยวกับสินค้าเป้าหมาย พร้อมรับฟังความเห็นจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแนวทางเจรจา
“สำหรับกำหนดการเดินทางไปเจรจาที่สหรัฐฯ จะต้องเกิดขึ้นในเร็วที่สุด สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้ตอบรับแล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดวันอย่างเป็นทางการ” พล.อ.อ.ประจินกล่าว พร้อมเสริมด้วยอารมณ์ขันว่า “เวลามีคนเรียก ‘ประจิน’ เราสองคนจะหันไปพร้อมกัน” เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ร่วมเดินทางไปด้วยก็ชื่อ “พิชัย นริพทะพันธุ์” เช่นกัน
แผนเพิ่มนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ
รองนายกฯ เปิดเผยว่าไทยต้องระบุจุดแข็งด้านการส่งออก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารสัตว์ ซึ่งปัจจุบันส่งออกไปสหรัฐฯ เพียง 3% ของปริมาณทั้งหมด แต่หากเพิ่มเป็น 6% จะสร้างประโยชน์มหาศาล โดยต้องอาศัยการนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ ด้วย
ไทยใช้ข้าวโพดปีละ 9 ล้านตันสำหรับแปรรูปอาหารสัตว์ ผลิตได้ในประเทศ 4 ล้านตัน ส่วนที่เหลือนำเข้าจากหลายประเทศ พล.อ.อ.ประจินเสนอปรับสัดส่วนการนำเข้าเพื่อประโยชน์ของไทย โดยระบุว่าข้าวโพดจากอเมริกาอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ได้
เจรจาครั้งนี้ใช้เวลา
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยประกาศว่ายุทธศาสตร์ของรัฐบาลต้อง “เร็วและแม่นยำ” หลังเตรียมการอย่างรอบด้านและติดตามพัฒนาการในทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะกำหนดแนวทางเจรจา
“ต้องย้ำว่าเจรจาครั้งนี้ไม่จบในรอบเดียว แต่ต้องใช้เวลาและเจรจาหลายระดับ” นายกรัฐมนตรีกล่าว “เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ดังนั้นต้องเตรียมมาตรการบรรเทาผลกระทบระยะสั้น และพิจารณาปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวพร้อมกระจายตลาดอย่างต่อเนื่อง”