อย. เตือนคนไทย พกยาเที่ยวต่างประเทศ เสี่ยงติดคุก-ปรับ! ชี้แจงแนวทางที่ถูกต้อง
กรุงเทพฯ – สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาแสดงความห่วงใยและแจ้งเตือนคนไทยที่มีแผนเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องพกยารักษาโรคประจำตัวติดตัวไปด้วย ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับ หรือแม้กระทั่งถูกดำเนินคดีในประเทศปลายทาง เนื่องจากกฎหมายการควบคุมยาของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันอย่างมาก
นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ยารักษาโรคบางชนิดที่ถือเป็นเรื่องปกติในประเทศไทย อาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ หรือยาควบคุมพิเศษในประเทศอื่น ๆ ซึ่งหากนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรงได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นักเดินทางจะต้องศึกษาและตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนออกเดินทาง
แนวทางทั่วไปในการตรวจสอบยาเมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ:
- ตรวจสอบสารออกฤทธิ์ (Active Ingredient): เน้นดูที่ ‘สารสำคัญ’ หรือชื่อสามัญทางยาที่ระบุบนฉลากยา มากกว่าชื่อการค้า เพราะแต่ละประเทศอาจใช้ชื่อการค้าต่างกัน แต่สารออกฤทธิ์จะเป็นตัวบ่งชี้ว่ายานั้นจัดอยู่ในกลุ่มควบคุมใด
- ตรวจสอบกฎหมายของประเทศปลายทาง: แต่ละประเทศมีบัญชียาควบคุมและข้อกำหนดในการนำเข้ายาที่แตกต่างกันมาก ควรตรวจสอบข้อมูลจากสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศนั้นๆ โดยตรง
- ยาบางชนิดต้องมีใบสั่งแพทย์: ยาบางประเภท โดยเฉพาะยาที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ยาที่มีส่วนผสมของวัตถุออกฤทธิ์ หรือยาที่มีฤทธิ์คล้ายยาเสพติด มักจะต้องมีใบสั่งแพทย์ที่ชัดเจน และอาจรวมถึงเอกสารอื่นๆ ประกอบ
เอกสารสำคัญที่ควรพกติดตัวเมื่อนำยาไปต่างประเทศ:
- ใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate): ควรระบุชื่อผู้ป่วย, ชื่อยา (ทั้งชื่อสามัญและชื่อการค้า), ขนาดของยา, ปริมาณยาที่นำไป, ข้อบ่งใช้ (เหตุผลที่ต้องใช้ยา), และขนาดยาที่ใช้ต่อวัน โดยใบรับรองแพทย์ควรเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในต่างประเทศ
- ฉลากยาเดิม: ควรพกยาไปพร้อมกับบรรจุภัณฑ์เดิมที่มีฉลากยาครบถ้วน ซึ่งระบุชื่อยา, ส่วนประกอบ, วิธีใช้, และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น หลีกเลี่ยงการแบ่งยาใส่ซองเปล่าที่ไม่มีข้อมูลยา
- การขออนุญาตล่วงหน้า: ในกรณีที่ยาที่ใช้เป็นยาควบคุมพิเศษในประเทศปลายทาง อาจจำเป็นต้องดำเนินการขออนุญาตนำเข้ายากับสถานทูต หรือหน่วยงานด้านอาหารและยาของประเทศปลายทางล่วงหน้า
ข้อควรระวังพิเศษ: ผลิตภัณฑ์จากกัญชา
นายแพทย์สุรโชค เน้นย้ำเป็นพิเศษว่า การนำผลิตภัณฑ์จากกัญชา ไม่ว่าจะเป็นช่อดอกแห้ง น้ำมันกัญชา สารสกัด หรืออาหาร เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา ติดตัวเดินทางไปต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากกัญชายังคงเป็นสารเสพติดและผิดกฎหมายในหลายประเทศทั่วโลก แม้ว่าในประเทศไทยจะมีการผ่อนปรนแล้วก็ตาม การนำผลิตภัณฑ์กัญชาเข้าประเทศที่เข้มงวด อาจนำไปสู่บทลงโทษที่ร้ายแรงถึงขั้นถูกจับกุม ปรับเงินจำนวนมาก หรือแม้กระทั่งจำคุกได้
หากนักเดินทางมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยารักษาโรคเฉพาะตัวที่ต้องการนำติดตัวไปต่างประเทศ และไม่แน่ใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายของประเทศปลายทาง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงจากสถานทูตของประเทศนั้นๆ ประจำประเทศไทย หรือตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเทศไทย.