กรุงเทพฯ – กรมศุลกากร ได้ร่วมมือกับผู้แทนจากสหราชอาณาจักร และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มอบของกลาง “ดอกกัญชา” น้ำหนักรวม 2.1 ตัน ให้แก่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัย หลังตรวจยึดได้จากการสกัดกั้นการลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เกี่ยวข้องกับชาวอังกฤษซึ่งถูกจับกุมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

การส่งมอบครั้งนี้เกิดขึ้น ณ กรมศุลกากร เมื่อวันที่ 28 เมษายน โดยมีนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธาน พร้อมด้วยนายเดวิด โธมัส อัครราชทูตที่ปรึกษา/รองหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และนายอภิศักดิ์ เย็นประโคน ผู้อำนวยการส่วนรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมพิธี

นายธีรัชย์ อัตนวานิช กล่าวว่า แม้ว่ากัญชาจะถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่ “ช่อดอกกัญชา” ยังคงเป็นสมุนไพรควบคุมในประเทศไทย การนำไปใช้เพื่อการศึกษาวิจัย การส่งออก การจำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่กัญชายังคงเป็นยาเสพติดและสารต้องห้ามในหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักรและกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป

ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ กรมศุลกากรจึงได้ประสานงานกับ Home Office International Operation (HOIO) ณ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบนำกัญชาออกนอกประเทศ สหราชอาณาจักรได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชา (Cannabis Awareness Raising) เพื่อแจ้งข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติถึงบทลงโทษที่อาจเกิดขึ้นจากการลักลอบนำกัญชาจากไทยเข้าสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรและหน่วยสุนัข K-9 ประจำท่าอากาศยาน เพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นกัญชาไม่ให้ถูกนำออกนอกประเทศ ในห้วงเวลาดังกล่าว พบของกลางช่อดอกกัญชาที่ผู้โดยสารทิ้งไว้รวมกว่า 2.1 ตัน

สถิติการตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับกัญชาของกรมศุลกากร ในปีงบประมาณ 2568 (ระหว่างเดือนตุลาคม 2567 – 27 เมษายน 2568) มีจำนวน 994 คดี ปริมาณของกลางรวมกว่า 10,036 กิโลกรัม

นายภาคภูมิ เลิศวัฒนรักษ์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร เปิดเผยว่า ทางกรมศุลกากรได้เสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพิจารณาออกกฎหมายลำดับรองเพิ่มเติม ให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการนำเข้า-ส่งออกกัญชาและช่อดอกกัญชา เนื่องจากกฎหมายกัญชาฉบับหลักยังคงไม่มีรายละเอียดที่ครอบคลุมเพียงพอต่อการควบคุมอาชญากรรมในปัจจุบัน

“ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าการนำกัญชาออกนอกประเทศของประชาชนทั่วไปนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ หรือต้องขออนุญาต ซึ่งในขณะเดียวกัน เราก็ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้นสำหรับการกระทำความผิด เช่น การลักลอบนำเข้า-ส่งออก” นายภาคภูมิ กล่าว

นายภาคภูมิ ยังระบุว่า แม้ข้อเสนอเหล่านี้จะยังไม่ได้รับการสรุป แต่กรมศุลกากรจะยังคงประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขและท่าอากาศยานต่าง ๆ เพื่อยกระดับข้อกำหนดทางกฎหมายให้ครอบคลุมการควบคุมได้ดียิ่งขึ้นต่อไป