กรมศุลกากร ส่งมอบกัญชาของกลาง 2.1 ตันให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ เพื่อวิจัยทางการแพทย์ เตรียมเสนอเพิ่มโทษผู้ลักลอบขน
กรุงเทพฯ – กรมศุลกากร ร่วมกับตัวแทนสหราชอาณาจักร และสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันแถลงข่าวและส่งมอบกัญชาของกลางน้ำหนักรวม 2.1 ตัน ที่ตรวจยึดได้ จากความพยายามลักลอบนำออกนอกประเทศ ให้แก่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ พร้อมทั้งเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเตรียมเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดฐานลักลอบขนกัญชา
การส่งมอบกัญชาของกลางในครั้งนี้ มีขึ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ณ อาคารกรมศุลกากร โดยมีนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เป็นประธานในพิธี ร่วมกับนายเดวิด โทมัส อัครราชทูตที่ปรึกษาและรองหัวหน้าคณะผู้แทนทางทูต สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และนายอภิศักดิ์ เย็นประโคน ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีนายสมศักดิ์ กรีชัย รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นผู้รับมอบกัญชาของกลางดังกล่าว
นายธีรัชย์ อัตนวานิช เปิดเผยว่า แม้กัญชาจะถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษแล้ว แต่ส่วนช่อดอกกัญชายังคงเป็นสมุนไพรควบคุมในประเทศไทย ซึ่งการนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งเพื่อการศึกษาวิจัย การส่งออก การจำหน่าย หรือการแปรรูปเพื่อการค้า จะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป กัญชายังคงจัดเป็นยาเสพติดและเป็นสารต้องห้าม
จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมศุลกากรเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาการลักลอบนำกัญชาออกนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีรายงานการจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวอังกฤษที่พยายามลักลอบขนกัญชาออกจากประเทศไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กรมศุลกากรจึงได้ประสานความร่วมมือกับ Home Office International Operation (HOIO) ณ สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันสกัดกั้นและป้องปรามการลักลอบดังกล่าว
ความร่วมมือนี้ รวมถึงการที่สหราชอาณาจักรได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมโครงการสร้างความตระหนักรู้เรื่องกัญชา (Cannabis Awareness Raising) เพื่อแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางระหว่างประเทศเกี่ยวกับบทลงโทษที่อาจเกิดขึ้นจากการลักลอบขนกัญชาจากประเทศไทยไปยังสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่และชุดสุนัข K-9 เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเพื่อป้องกันการนำกัญชาออกนอกประเทศ และจากการปฏิบัติการดังกล่าว พบกัญชาของกลางประเภทช่อดอก ซึ่งผู้โดยสารได้ละทิ้งไว้ที่ท่าอากาศยาน เป็นปริมาณกว่า 2.1 ตัน ซึ่งได้นำส่งมอบให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ ในครั้งนี้
นายภัคภูมิ เลิศวัฒนารักษ์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2565 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 27 เมษายน 2565) กรมศุลกากรตรวจพบการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับกัญชาแล้วถึง 994 คดี ปริมาณรวมกว่า 10,036 กิโลกรัม แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการลักลอบขนกัญชาในปริมาณมาก
จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมศุลกากรจึงได้เสนอไปยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อออกกฎหมายลำดับรอง ซึ่งจะให้รายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการกำกับดูแลการนำเข้าและส่งออกกัญชาและช่อดอกกัญชา เนื่องจากกฎหมายหลักเกี่ยวกับกัญชาที่มีอยู่ปัจจุบันยังตามไม่ทันสถานการณ์ด้านการควบคุมอาชญากรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
นายภัคภูมิ ระบุว่า “ปัจจุบัน ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดว่าประชาชนทั่วไปจะสามารถนำกัญชาออกนอกประเทศได้โดยผิดกฎหมายหรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีใบอนุญาต ในขณะเดียวกัน เราตั้งเป้าที่จะเพิ่มความเข้มงวดของบทลงโทษสำหรับการกระทำความผิด เช่น การลักลอบขนกัญชา ทั้งในขาเข้าและขาออก” พร้อมย้ำว่า “แม้ข้อเสนอเหล่านี้จะยังไม่ได้รับการสรุป แต่กรมศุลกากรจะยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุขและท่าอากาศยานต่างๆ เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับการกำกับดูแลที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นต่อไป”