รัฐมนตรีพิชัย ถก รมต.การค้า APEC 21 เขตเศรษฐกิจ ชูวิสัยทัศน์ไทย ขับเคลื่อนการค้าโลกยั่งยืน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้า APEC ที่สาธารณรัฐเกาหลี หารือกับ 21 เขตเศรษฐกิจ ย้ำความสำคัญของการขับเคลื่อนการค้าโลกให้มีเสถียรภาพ ยั่งยืน และพร้อมรับมือความท้าทายยุคใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยี การค้าพหุภาคี และการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO)
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีการค้า เอเปค (APEC Ministers Responsible for Trade Meeting: MRT) ประจำปี 2568 ณ จังหวัดเชจู สาธารณรัฐเกาหลี ว่า ตนได้ใช้เวทีนี้แสดงวิสัยทัศน์และแนวทางของประเทศไทยในการรับมือกับความท้าทายทางการค้าโลกที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และความท้าทายทางการค้าในรูปแบบต่างๆ
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐมนตรีการค้าจาก 21 เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค จะได้มาแลกเปลี่ยนมุมมองและกำหนดแนวทางความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการค้าโลกไปสู่ความมีเสถียรภาพและยั่งยืน ที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ภายใต้หัวข้อหลัก “Building a Sustainable Tomorrow” หรือ “เสริมสร้างวันพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน” เพื่อสะท้อนเจตนารมณ์ร่วมในการเผชิญหน้าและแก้ไขปัญหาการค้าในยุคปัจจุบัน
นายพิชัยกล่าวว่า การประชุม APEC MRT ประจำปีนี้ เน้นการหารือใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
- การนำนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้อำนวยความสะดวกทางการค้าและสร้างการเติบโตอย่างครอบคลุม
- การส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีที่เชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเปิดกว้างสำหรับทุกคน
- การขับเคลื่อนความมั่งคั่งผ่านการค้าที่มีความยั่งยืนและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
ผลลัพธ์จากการประชุมครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ทั้งในระดับประเทศไทยและในกลุ่มเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจไทยมีโอกาสในการขยายตลาดสู่ระดับโลกได้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการวางรากฐานความร่วมมือที่แข็งแกร่งเพื่อรับมือกับความท้าทายทางการค้าในระยะยาว โดยรัฐมนตรีการค้าเอเปคทุกท่านได้ร่วมรับรองแถลงการณ์ เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการร่วมมือกันในประเด็นสำคัญของการค้าโลกยุคใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนบทบาทของสาธารณรัฐเกาหลีในฐานะเจ้าภาพ ที่ได้เน้นการขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับขีดความสามารถทางการค้า ท่านได้เน้นย้ำความร่วมมือในกรอบ APEC ในด้านต่างๆ อาทิ การเชื่อมโยงดิจิทัล มาตรฐานข้อมูล การวิจัยและพัฒนา AI ควบคู่ไปกับการลดช่องว่างทางดิจิทัล การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการเตรียมความพร้อมของแรงงานให้สามารถปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ นายพิชัยยังได้ย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อให้ระบบการค้าพหุภาคียังคงสามารถตอบโจทย์ความท้าทายของโลกในปัจจุบันและอนาคตได้ โดยเสนอให้ APEC เป็นเวทีสำหรับการหารืออย่างสร้างสรรค์ เพื่อปูทางไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในการประชุมรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 14 ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2569
ในระหว่างการประชุม รัฐมนตรีพิชัยยังได้ใช้โอกาสนี้หารือกับรัฐมนตรีการค้าจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อร่วมกันรับมือกับความท้าทายทางการค้าในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือทวิภาคีกับผู้แทนจากประเทศและองค์กรต่างๆ เช่น ผู้แทนจากประเทศญี่ปุ่น และผู้แทนจากบริษัท Google เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าของไทย รวมถึงได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีการค้าจากหลากหลายเขตเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเกาหลี และสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน
“การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง แต่เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง ร่วมกันออกแบบอนาคตทางการค้า สร้างสมดุลและความเข้าใจร่วมกันในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก จึงเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางใหม่ของการค้าระหว่างประเทศที่ยั่งยืน” นายพิชัยกล่าวย้ำถึงความสำคัญของการประชุม
ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจสำคัญของโลก สำหรับข้อมูลการค้าของไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปค ในปี 2567 มีมูลค่ารวมประมาณ 15.10 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นการนำเข้าจากกลุ่มเอเปค 7.75 ล้านล้านบาท และการส่งออกจากไทยไปกลุ่มเอเปค 7.35 ล้านล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความสำคัญทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ต่อประเทศไทย