พาณิชย์ปลื้ม! เปิดตลาดมันสำปะหลังไทยบุกซาอุฯ หวังป้อนอาหารอูฐ-สัตว์ปีก ลดพึ่งพิงตลาดจีน

เจดดาห์, ซาอุดีอาระเบีย – กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ประสบความสำเร็จในการนำคณะผู้แทนภาครัฐและเอกชนไทย เดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 18-19 พฤษภาคม 2568 เพื่อขับเคลื่อนและขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารสัตว์ ซึ่งรวมถึงอูฐและสัตว์ปีก นับเป็นการเปิดตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและช่วยกระจายความเสี่ยงจากตลาดหลักอย่างจีน.

นายนพดล คันธมาศ เปิดเผยถึงผลการเดินทางครั้งนี้ว่า ซาอุดีอาระเบียถือเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากมีอัตราการบริโภคอาหารสูงติดอันดับต้นๆ ในตะวันออกกลาง มีจำนวนประชากรราว 33.48 ล้านคน และมีการบริโภคเนื้อสัตว์สูงถึงประมาณ 50 กิโลกรัมต่อคนต่อปี.

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดที่น่าสนใจคือ อุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ ทั้งปศุสัตว์ ประมง และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสัตว์ปีกซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 1.3 พันล้านตัวต่อปี คิดเป็นมูลค่า 1.73 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีการผลิตอาหารสัตว์รวมกว่า 12 ล้านตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ย 4.11% ในปี 2568.

รัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล่านี้อย่างจริงจัง ทำให้มีความต้องการธัญพืชและวัตถุดิบอาหารสัตว์ในปริมาณมาก นอกจากนี้ อัตราภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นมันเส้น มันอัดเม็ด แป้งมันสำปะหลัง หรือสาคู อยู่ในอัตราต่ำเพียง 5% ถือเป็นปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการส่งออกของไทย.

“การบุกเบิกตลาดในซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ เน้นไปที่การใช้มันสำปะหลังเป็นอาหารสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ปีกและปศุสัตว์อื่นๆ รวมถึงการขยายเป้าหมายไปยังการเป็นอาหารอูฐ ซึ่งเป็นสัตว์ที่สำคัญในซาอุดีอาระเบีย” นายนพดลกล่าว และเสริมว่านี่คือเป้าหมายสำคัญในการเจรจาเพื่อส่งออกและเพื่อกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาตลาดหลักอย่างจีน.

เบื้องต้น คาดว่าการส่งออกมันสำปะหลังล็อตแรกไปยังซาอุดีอาระเบียจะได้ปริมาณประมาณ 20,000 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปริมาณการส่งออกในปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,700 ตัน.

แม้ตลาดจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทย การเดินทางมาซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความตั้งใจในการขยายตลาดให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซาอุดีอาระเบียมีศักยภาพในการรองรับมันอัดเม็ดจากไทยได้มากกว่า 3.6 ล้านตันต่อปี เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ทดแทนการนำเข้าข้าวโพด.

ข้อมูลการส่งออกมันสำปะหลังของไทยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพืชชนิดนี้ โดยในปี 2567 มันสำปะหลังสร้างรายได้จากการส่งออกสูงถึง 1.1 แสนล้านบาท ขณะที่ช่วงสามเดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้ปริมาณ 2.3 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีประเทศคู่ค้าสำคัญได้แก่ จีน (70.4%) อินโดนีเซีย (6.3%) ญี่ปุ่น (4.6%) มาเลเซีย (3.1%) สหรัฐอเมริกา (2.0%) และเกาหลีใต้ (2.0%) ตามลำดับ.

ความสำเร็จในการเปิดตลาดซาอุดีอาระเบียครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของไทยในระยะยาว.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *