ครม. ไฟเขียวผ่อนปรนกฎผลิตสุรา เปิดโอกาส ‘คราฟต์เบียร์-สุราชุมชน’ ขยายตลาด ดันเศรษฐกิจฐานราก
กรุงเทพฯ – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการผลิตสุราที่เสนอโดยกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง การปรับปรุงกฎระเบียบในครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อลดอุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตสุรา โดยเฉพาะสำหรับผู้ผลิตรายเล็กและผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเหล่านี้
มาตรการผ่อนปรนนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้ผลิตรายย่อยมีโอกาสเติบโต แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรในท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตและสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชน นับเป็นการใช้ “ซอฟต์พาวเวอร์” ของไทยผ่านภูมิปัญญาและวัฒนธรรมการผลิตสุราพื้นบ้าน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และส่งเสริมการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรในท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมที่มีอยู่ และเสริมสร้างพลังของซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านงานฝีมือและภูมิปัญญาท้องถิ่น
รายละเอียดสำคัญของการผ่อนปรนกฎระเบียบการผลิตสุรา มีดังนี้:
- เปิดทางร้านอาหาร/โรงเบียร์ขนาดเล็ก: ผู้ผลิตเบียร์ประเภท Brew Pub หรือโรงเบียร์ขนาดเล็ก และผู้ผลิตคราฟต์เบียร์ สามารถจำหน่ายเบียร์สดเพื่อการค้าปลีกนอกพื้นที่โรงอุตสาหกรรมได้แล้ว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตรายย่อยสามารถขยายช่องทางการตลาดและเติบโตทางธุรกิจได้ทั่วประเทศ
- ผ่อนปรนที่ตั้งโรงงานสุรากลั่นชุมชน: ปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ตั้งโรงงานสุราขนาดกลางและขนาดเล็กให้สามารถตั้งอยู่ภายในระยะ 100 เมตร จากแหล่งน้ำสาธารณะได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันปัญหามลพิษทางน้ำ
- ปลดล็อกการตั้งโรงงานขนาดกลาง: อนุญาตให้ผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด สามารถตั้งโรงงานสุราขนาดกลางได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตรายเล็กเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเหมือนเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้เร็วขึ้น
นอกจากมาตรการด้านการผลิตแล้ว รัฐบาลยังได้แสดงท่าทีที่ยืดหยุ่นมากขึ้นในประเด็นการจำหน่ายสุราเพื่อสนับสนุนภาคเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ใน 5 ประเภทสถานที่ที่กำหนด แม้จะเป็นวันหยุดทางศาสนาพุทธที่สำคัญ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติ, สถานบริการ, สถานที่พักที่ให้บริหารในลักษณะคล้ายสถานบริการ, โรงแรม, และสถานที่ที่จัดให้มีการประชุมสัมมนาหรือจัดงานเลี้ยงซึ่งเป็นงานระดับชาติหรืองานระดับนานาชาติ
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แสดงความเห็นเกี่ยวกับการขยายเวลาจำหน่ายแอลกอฮอล์ในวันหยุดทางศาสนาว่า แม้จะเพิ่งเริ่มใช้มาตรการได้เพียงวันเดียว จึงยังไม่มีข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจน แต่ยืนยันว่าการทำให้การจำหน่ายถูกกฎหมายและมีการกำกับดูแลย่อมดีกว่าการผลักให้เกิดการจำหน่ายใต้ดิน ซึ่งยังคงเกิดขึ้นอยู่แล้วในวันดังกล่าว
“คนที่ต้องการดื่ม เขาก็หาดื่มอยู่ดี” นายสรวงศ์ กล่าว และเน้นย้ำว่าหัวใจสำคัญคือการควบคุมและกำกับดูแลที่เหมาะสม เช่น การกำหนดพื้นที่จำหน่ายที่ชัดเจน และการจำกัดอายุผู้ซื้อ ควรพิจารณาการกำหนดโซนนิ่งให้ร้านอาหารและร้านขายของชำ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว ให้สามารถจำหน่ายได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าวันใดเป็นวันหยุดทางศาสนาพุทธที่ห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์
มาตรการผ่อนปรนทั้งในด้านการผลิตและการจำหน่ายสุรา แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการปรับกฎระเบียบให้สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน โดยมุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน