กรุงเทพฯ – นายปพน มนัสภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด (Brandname Money) ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและขายฝากสินค้า Luxury เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสินค้าแบรนด์เนม Luxury ในประเทศไทย มีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 4,640 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท แม้จะอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงมีความท้าทาย

ตลาด Luxury ของไทยคาดว่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 5.62 ต่อปี ในช่วงปี 2567-2571 ซึ่งอัตราการเติบโตนี้สูงกว่าประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4,060 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ช้ากว่าที่ร้อยละ 3.49 ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตลาดสินค้าแบรนด์เนมในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่มูลค่าตลาดสินค้าแบรนด์เนม Luxury แฟชั่นทั่วโลกในปี 2567 อยู่ที่ 145.40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

จากแนวโน้มตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง Brandname Money ได้เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจและต้องการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนม โดยได้พัฒนาบริการสินเชื่อและขายฝากแบรนด์เนมรูปแบบใหม่ที่สะดวกและเข้าถึงง่าย โดยคิดอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย ซึ่งเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2567

ปัจจุบัน Brandname Money ให้บริการสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์เนมใน 3 รูปแบบ ได้แก่:

• สินเชื่อแบบ “ผ่อนไป ใช้ไป”: ลูกค้าสามารถครอบครองสินค้าได้ทันทีหลังอนุมัติ โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต เพียงวางเงินดาวน์เริ่มต้น 30% ของราคาสินค้า ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.99% ต่อเดือน ผ่อนได้สูงสุด 24 เดือน อนุมัติไวใน 3 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแบ่งชำระและมีรายได้ประจำ
• สินเชื่อแบบ “ผ่อนจบ รับของ”: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์เนมโดยไม่ต้องการภาระผูกพันทางการเงินยาวนาน เพียงดาวน์เริ่มต้น 30% ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.25% ต่อเดือน ผ่อนสูงสุด 10 เดือน อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง ไม่ต้องเช็คเครดิตบูโร
• บริการ “ขายฝาก”: สำหรับนาฬิกา กระเป๋า และจิวเวลรี่แบรนด์เนม ลูกค้าจะได้รับเงินสดทันทีภายใน 1-2 ชั่วโมง สินค้าจะถูกเก็บรักษาในตู้นิรภัยมาตรฐานสากล บริการนี้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเสียทรัพย์สินที่รักไปอย่างถาวร

นายปพนกล่าวเสริมว่า คนไทยรุ่นใหม่นิยมใช้สินค้าแบรนด์เนมมากขึ้น ด้วยเหตุผลหลากหลาย ทั้งการให้รางวัลตัวเอง คุณค่าทางจิตใจ การสร้างภาพลักษณ์ และการมองว่าเป็นการลงทุน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้แบรนด์ Luxury ระดับโลกหันมาใช้ดารา ไอดอลไทยเป็นพรีเซนเตอร์ และเปิดช็อปในไทยมากขึ้น

นับตั้งแต่เปิดธุรกิจในเดือนมิถุนายน 2567 Brandname Money ได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อขายฝากประมาณ 80 ล้านบาท สินเชื่อเช่าซื้อแบบผ่อนไปใช้ไป 15 ล้านบาท และผ่อนจบรับของ 4-5 ล้านบาท บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าพอร์ตสินเชื่อรวมสิ้นปี 2568 ที่ 300 ล้านบาท และภายใน 3 ปี หรือปี 2571 จะขยายพอร์ตสินเชื่อให้เติบโตถึง 1,000 ล้านบาท พร้อมมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนรองรับการเติบโตในอนาคต

“ธุรกิจสินเชื่อแบรนด์เนมสามารถเติบโตได้ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะใด เมื่อเศรษฐกิจดี ความต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนมและการใช้สินเชื่อเช่าซื้อก็จะมากขึ้น แต่หากเศรษฐกิจชะลอตัว บริการขายฝากก็จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนทรัพย์สินแบรนด์เนมเป็นเงินสดเพื่อเสริมสภาพคล่อง” นายปพนกล่าว

จุดแข็งของ Brandname Money คืออัตราดอกเบี้ยที่ถูกกฎหมายและต่ำ การอนุมัติที่รวดเร็ว ขั้นตอนการสมัครที่ง่าย รวมถึงความเชี่ยวชาญในสินค้า Luxury ที่ช่วยให้สามารถประเมินราคาและให้วงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำกว่า 40 ร้าน ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถผ่อนสินค้ากับ Brandname Money ได้ โดยร้านค้าจะได้รับเงินเต็มจำนวนทันที

ด้านนางสาวณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ CCO บริษัท แบรนด์เนม มันนี่ กล่าวถึงระบบการทำงานที่แข็งแกร่งของบริษัท โดยมีระบบบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่ดี มีระบบสมัครสินเชื่อที่ปลอดภัยตามมาตรฐาน PDPA ระบบอนุมัติสินเชื่อ Credit Scoring เฉพาะสำหรับสินค้าแบรนด์เนมที่มีความแม่นยำสูง รวมถึงระบบติดตามและจัดเก็บหนี้ และระบบจัดเก็บสินค้าในตู้นิรภัยมาตรฐานสากล

Brandname Money มุ่งมั่นที่จะเป็นมากกว่าผู้ให้บริการสินเชื่อ แต่ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ในธุรกิจนี้ ด้วยความน่าเชื่อถือ อัตราดอกเบี้ยโปร่งใส ถูกกฎหมาย บริการครบวงจรตั้งแต่ประเมิน ประกันความแท้ จัดเก็บรักษา และบริการเสริมอื่นๆ ความปลอดภัยสูงสุดในการเก็บสินค้า ทำเลที่สะดวกใจกลางเมือง (เซ็นทรัลเวิลด์) และบริการออนไลน์ครบวงจร พร้อมเครือข่ายพาร์ทเนอร์ร้านค้าที่หลากหลาย.