บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) (AAV) ผู้ถือหุ้นทั้งหมดในสายการบินไทยแอร์เอเชีย (TAA) ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โชว์ความแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทาย โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,387 ล้านบาท

รายงานผลประกอบการของ AAV ระบุว่า ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) อยู่ที่ 1,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 13,225 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 สาเหตุหลักมาจากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้

ด้านการบริหารต้นทุน ไทยแอร์เอเชียยังคงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (CASK) อยู่ที่ 1.73 บาท ลดลงร้อยละ 12 เทียบกับปีก่อน ส่วน CASK ที่ไม่รวมค่าน้ำมัน อยู่ที่ 1.13 บาท ลดลงร้อยละ 3 อย่างไรก็ตาม รายได้ต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (RASK) ลดลงร้อยละ 10 อยู่ที่ 1.97 บาท

ในไตรมาสแรกของปี 2568 ไทยแอร์เอเชียสามารถขนส่งผู้โดยสารได้รวม 5.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีอัตราขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ที่น่าพอใจถึงร้อยละ 87 และมีปริมาณที่นั่ง (Capacity) ให้บริการอยู่ที่ 6.4 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 9

ความสำเร็จที่โดดเด่นคือการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดการบินภายในประเทศ โดย TAA ขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศ 3.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 67 ของผู้โดยสารทั้งหมด และมีอัตราขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศสูงถึงร้อยละ 91 ส่งผลให้ในสิ้นเดือนมีนาคม 2568 ไทยแอร์เอเชียสามารถครองส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 42

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AAV และ TAA กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 สะท้อนความสามารถในการปรับตัวและความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว เราภาคภูมิใจที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์การให้บริการ 2 สนามบินหลัก ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ”

TAA ยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายเส้นทางบิน โดยเฉพาะจากฐานปฏิบัติการบินสุวรรณภูมิ (BKK) ได้เปิดเส้นทางใหม่สู่ขอนแก่นและอุดรธานีไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 เส้นทางใหม่ ได้แก่ สุวรรณภูมิ สู่สุราษฎร์ธานี บุรีรัมย์ และนราธิวาส ซึ่งจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

สำหรับตลาดระหว่างประเทศ นายสันติสุขยอมรับว่ายังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ตลาดในเอเชียตะวันออก เช่น จีน ฮ่องกง และมาเก๊า ยังเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ แต่ตลาดเอเชียใต้และเส้นทางบินแบบ Fifth Freedom ใหม่ๆ เช่น เชียงใหม่ – ไทเป – ซัปโปโร สามารถสร้างโอกาสได้ดี TAA พร้อมร่วมมือกับภาครัฐและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา

ในส่วนของการขยายฝูงบิน ไทยแอร์เอเชียได้รับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321neo เพิ่ม 1 ลำในไตรมาส 1 ทำให้มีเครื่องบินรวม 61 ลำ (ปฏิบัติการจริง 55 ลำ) และได้รับมอบเพิ่มอีก 1 ลำในเดือนเมษายน พร้อมเตรียมรับมอบอีก 4 ลำในครึ่งปีหลัง ทำให้สิ้นปี 2568 จะมีเครื่องบินรวม 66 ลำตามแผนที่วางไว้

นายสันติสุข คาดการณ์ว่า ตลอดทั้งปี 2568 บริษัทจะขนส่งผู้โดยสารได้ประมาณ 23-24 ล้านคน มีอัตราขนส่งผู้โดยสารใกล้เคียงร้อยละ 90 และการขยายฝูงบินจะช่วยวางรากฐานที่มั่นคง พร้อมคว้าโอกาสในฤดูท่องเที่ยวต่อไป