สศก. ชี้ข่าวดี! สินค้าเกษตรไทยแกร่ง เกินดุลการค้าอาเซียนกว่า 2.2 แสนล้านบาท ‘ข้าว-น้ำตาล-น้ำแร่’ ยังอนาคตสดใส

กรุงเทพฯ – สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกและตลาดอาเซียน ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีและรักษาตลาดส่งออกไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2567 ภาพรวมมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรของไทยมีจำนวน 2,528,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็นร้อยละ 6.32

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการ สศก. กล่าวว่า มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรในปี 2567 อยู่ที่ 1,801,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137,822 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.28 เมื่อเทียบกับปี 2566 ขณะที่มีมูลค่านำเข้า 727,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,912 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.24 ส่งผลให้ไทยยังคงได้เปรียบดุลการค้าสินค้าเกษตร โดยคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 คือ อาเซียน คิดเป็นร้อยละ 23 ของมูลค่าการค้าทั้งหมด รองลงมาคือ จีน สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น

การค้าสินค้าเกษตรไทยในตลาดอาเซียน ปี 2567

สำหรับตลาดอาเซียน 9 ประเทศ ถือเป็นตลาดสำคัญที่ไทยยังคงมีการขยายตัวด้านการค้าและได้เปรียบดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ไทยเกินดุลการค้ากับกลุ่มอาเซียนถึง 229,687 ล้านบาท

  • มูลค่าส่งออก: 410,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากปี 2566
  • มูลค่านำเข้า: 181,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.49 จากปี 2566

สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรกไปอาเซียน (ปี 2567):

  1. ข้าว (เช่น ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ): 46,065 ล้านบาท
  2. น้ำตาลที่ได้จากอ้อยหรือหัวบีตอื่นๆ (เช่น น้ำตาลทรายบริสุทธิ์): 38,211 ล้านบาท
  3. น้ำ รวมถึงน้ำแร่และน้ำอัดลมที่เติมน้ำตาล: 27,577 ล้านบาท
  4. น้ำตาลดิบที่ได้จากอ้อยอื่นๆ: 22,434 ล้านบาท
  5. เครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (เช่น นมถั่วเหลือง): 19,022 ล้านบาท

สินค้าเกษตรนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรกจากอาเซียน (ปี 2567):

  1. มันสำปะหลังฝานหรือทำเป็นเพลเลต: 21,622 ล้านบาท
  2. ข้าวโพด ไม่ใช้สำหรับเพาะปลูก: 19,430 ล้านบาท
  3. อาหารปรุงแต่งอื่นๆ (เช่น เต้าหู้ แอลกอฮอล์ผง ครีมเทียม): 18,764 ล้านบาท
  4. เมล็ดกาแฟ (ไม่คั่ว) ไม่แยกคาเฟอีน: 8,614 ล้านบาท
  5. ผลไม้และลูกนัตอื่นๆ ที่ดิบหรือสุก โดยการนึ่งหรือต้ม แช่แข็ง หรือทำให้หวาน (เช่น สับปะรด ทุเรียน ลำไย): 7,382 ล้านบาท

ตลาดส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญในอาเซียน (ปี 2567):

  1. มาเลเซีย: มูลค่า 77,321 ล้านบาท (ร้อยละ 18.82 ของมูลค่าส่งออกอาเซียน) สินค้าสำคัญคือ น้ำยางธรรมชาติ, ชิ้นเนื้อไก่แช่แข็ง, อาหารสุนัข/แมว, ข้าว
  2. อินโดนีเซีย: มูลค่า 68,428 ล้านบาท (ร้อยละ 16.66) สินค้าสำคัญคือ ข้าว, น้ำตาลดิบจากอ้อย
  3. กัมพูชา: มูลค่า 62,826 ล้านบาท (ร้อยละ 15.29) สินค้าสำคัญคือ น้ำตาลที่ได้จากอ้อยหรือหัวบีตอื่นๆ

น.ส.กาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการ สศก. เสริมว่า ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2568 การค้าสินค้าเกษตรไทยกับอาเซียนมีมูลค่า 160,067 ล้านบาท เป็นมูลค่าส่งออก 100,491 ล้านบาท และมูลค่านำเข้า 59,576 ล้านบาท ไทยยังคงได้เปรียบดุลการค้า 40,915 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกสำคัญในไตรมาสแรกปี 2568 คือ น้ำตาลดิบและน้ำตาลทั่วไป รวมถึงน้ำและเครื่องดื่มต่างๆ ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญยังคงเป็นมันสำปะหลังและข้าวโพด

แนวโน้มและความท้าทาย

สศก. ประเมินว่าการส่งออกสินค้าเกษตรไทยในตลาดคู่ค้าสำคัญ ทั้งจีน สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ยังมีแนวโน้มเป็นบวก จากความต้องการสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือ นโยบายทางการค้าของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น นโยบาย Make America Great Again ของสหรัฐฯ ที่อาจนำมาซึ่งการขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับประเทศที่ได้ดุลการค้าสูง รวมถึงไทย ซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน

ขณะเดียวกัน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจเป็นโอกาสให้ไทยส่งออกสินค้าบางประเภททดแทนจีนได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่สินค้าจีนอาจระบายมายังตลาดไทยหรือตลาดคู่แข่งของไทยมากขึ้น ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น

ดังนั้น ไทยต้องให้ความสำคัญกับการรักษาและพัฒนามาตรฐานการผลิตสินค้าให้เป็นไปตามสากล ควบคุมการนำเข้าอย่างเข้มงวด และปรับกลยุทธ์ทางการค้าเพื่อหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้าในอนาคต.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *