กรุงเทพฯ – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคเหนือ เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวช่วง Green Season เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “Season of North” เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ชวนสัมผัสเสน่ห์ภาคเหนือ 17 จังหวัด ในช่วงฤดูฝน พร้อมต่อยอดสู่การท่องเที่ยวได้ทุกฤดูตลอดทั้งปี ภายใต้แนวคิด “เที่ยวเหนือ หน้าฝน ค้นหาความสุข”

นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ภูมิภาคภาคเหนือ ได้นำศักยภาพของพื้นที่ 17 จังหวัด มาสร้างสรรค์แคมเปญ “Season of North” เพื่อตอกย้ำว่าภาคเหนือสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู โดยมีไฮไลต์พิเศษในช่วงหน้าฝน (พฤษภาคม-สิงหาคม 2568) ภายใต้ธีม “เที่ยวเหนือ หน้าฝน ค้นหาความสุข”

แคมเปญนี้มุ่งนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวภาคเหนือในราคาที่เข้าถึงง่าย ชูจุดเด่นด้านธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อากาศสดชื่น ทะเลหมอกยามเช้าที่งดงาม รวมถึงความสมบูรณ์ของอาหารการกินในดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น “มหานคร ชา กาแฟ โกโก้” เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตชุมชน ทั้งถนนคนเดิน สวนผลไม้ ร้านอาหารระดับมิชลิน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภาค รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวภายในภาคเหนือเอง

การท่องเที่ยวภาคเหนือแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักตามอัตลักษณ์ คือ “เสน่ห์ล้านนา” ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และ “มรดกโลก” ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วง Green Season นี้ ททท. ได้เตรียม 2 กิจกรรมหลักสุดฟิน:

1. กิจกรรม “เที่ยวเหนือ ตามตำนาน”: ตลอดเดือนมิถุนายน 2568 ททท. จัดคาราวาน “ค่ำไหน นอนนั่น” เชิญชวนเอเย่นต์ท่องเที่ยวและสื่อมวลชน ระหว่างวันที่ 10-30 มิถุนายน 2568 ในเส้นทางเชื่อมโยง คุนหมิง-สิบสองปันนา-เชียงราย เพื่อนำเสนอเรื่องราวตำนานและความมหัศจรรย์ (Grand Moment) ของทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือ อาทิ ตำนานพระแก้วมรกต จ.เชียงราย, เรื่องราวชาวไทยลื้อ จ.พะเยา, กระซิบรักที่ จ.น่าน, บ้านเก่าเมืองแพร่ จ.แพร่, เมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์, พระวัจนะพูดได้ จ.สุโขทัย, เมืองสองแคว จ.พิษณุโลก, เมืองชาละวัน จ.พิจิตร, เมืองศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์, ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์, สะแกกรัง จ.อุทัยธานี, ชากังราว จ.กำแพงเพชร, ตามรอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน จ.ตาก, เมืองเขลางค์ จ.ลำปาง, พระนางจามเทวี จ.ลำพูน, พระสุพรรณกัลยา จ.แม่ฮ่องสอน และตำนานรักที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ
2. กิจกรรม “เที่ยวเหนือ ตามศรัทธา”: นำเสนอความหลากหลายของงานประเพณีที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยมีไฮไลต์ 6 งานสำคัญ เช่น ประเพณีอัฏฐมีบูชา จ.อุตรดิตถ์ (11-19 พฤษภาคม 2568), งานนุ่งซิ่นกินทุเรียน, เที่ยวแพร่แช่สวนพลัม, เวียนเทียนกลางน้ำ วิสาขบูชา กว๊านพะเยา, การแสดงไลท์ แอนด์ ซาวด์ โบราณสถาน จ.สุโขทัย และงานขึ้นธาตุเดือนเก้า (เหนือ) จ.ตาก (ช่วงมิถุนายน 2568)

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ททท. ได้วางแผนส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง นำเสนอ “เรื่องราวการท่องเที่ยวภาคเหนือตามฤดู” ผ่าน 17 “เมนู” ประสบการณ์การท่องเที่ยว 17 สไตล์ และ 17 เมนูอาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ค้นหาและสัมผัสภาคเหนือในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวธรรมชาติ, สายกิน, เสน่ห์ย่านเมืองเก่า, ชุมชนท่องเที่ยว, จุดเช็คอินยอดนิยม, แหล่งช้อปปิ้ง, สายศรัทธา (สายมู), การท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน, สายบันเทิง, การเดินทางด้วยยานพาหนะหลากหลายรูปแบบ, Workation, โปรโมชั่นพิเศษ, การท่องเที่ยวระดับไฮโซ, การตามรอยตำนาน, จุดรับ-ส่งตะวัน, มุมลับ 3 จังหวัด และการเชื่อมโยงกับแนวคิด 5 Must Do ในโครงการ IGNITE Thailand’s Tourism

นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการตลาดต่อเนื่องสำหรับปี 2569 (TATAP 2026) จะต่อยอดแคมเปญ “SEASON OF NORTH“ ซีซั่น 2 โดยสอดแทรก “เสน่ห์ภาคเหนือ” หรือ Soft Power ผ่าน 5 Must Do ได้แก่ Must Taste (ลิ้มรสอาหารเหนือ), Must See (เที่ยวงานประเพณี), Must Try (สปา, กีฬา), Must Buy (ซื้อสินค้า), และ Must Seek (แหล่งอันซีนกับ Grand Moment 17 จังหวัด)

ททท. ตั้งเป้าหมายกระตุ้นตลาด “เหนือเที่ยวเหนือ” โดยแบ่งพื้นที่เป็น “เหนือตอนบน” (ล้านนา) และ “เหนือตอนล่าง” (มรดกโลก) ซึ่งใช้จังหวัดพิษณุโลกเป็นแกนกลางเชื่อมโยงพื้นที่สำคัญต่างๆ อาทิ อุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง, อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ, อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เพื่อเพิ่มรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2569 เมื่อเทียบกับปี 2568 รวมถึงขยายวันพักเฉลี่ยจาก 1.5 วัน/คน/ทริป เป็น 2.5 วัน/คน/ทริป และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 2-3 จังหวัดต่อทริปให้มากกว่าเดิมที่มักเที่ยวเพียง 1 จังหวัด

เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen